พาราสาวะถี

ผิดเสียที่ไหนการลงมติศึกซักฟอกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คะแนนเสียงที่ออกมาบรรดาพรรคเล็กในนามกลุ่ม 16 พลิกลิ้นกันตามคาด


ผิดเสียที่ไหนการลงมติศึกซักฟอกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คะแนนเสียงที่ออกมาบรรดาพรรคเล็กในนามกลุ่ม 16 พลิกลิ้นกันตามคาด หลังจากได้สวาปามกล้วยกันเป็นสวนอิ่มแปร้กันถ้วนหน้า ส่วนรัฐมนตรีตัวเต็งที่บอกว่าจะได้คะแนนเสียงโหวตไว้วางใจล้นหลามก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. หัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจ อนุทิน ชาญวีรกูล และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ หัวหน้าและเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เป็นรัฐมนตรี 3 รายที่ได้คะแนนเกิน 260 เสียง

โดยที่พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. นอกจากได้เสียงโหวตไว้วางใจมาเป็นอันดับ 1 ที่ 268 เสียงแล้ว คะแนนที่ไม่ไว้วางใจก็น้อยกว่าใครเพื่อนคือ 193 เสียง อย่างไรก็ตาม การโหวตครั้งนี้มีเรื่องที่ทำให้ต้องตามกันต่อคือ รัฐมนตรีที่ได้คะแนนเสียงโหวตน้อยที่สุดเป็น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสียงโหวต 241 เสียง เกินจำนวนกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เวลานี้ไปเพียง 2 เสียง เรียกว่าผ่านแบบฉิวเฉียด

ขณะที่พี่รองของแก๊ง 3 ป. พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา แม้จะได้เสียงโหวตมากกว่าจุรินทร์ที่ 245 เสียง แต่การโหวตไม่ไว้วางใจกลับสูงกว่าใครเพื่อนคือ 212 เสียง โดยมีเสียงของ 6 ส.ส.พรรคสืบทอดอำนาจร่วมโหวตไม่ไว้วางใจด้วย เมื่อสแกนไปก็พบว่าทั้งหกรายนั้นเป็น ส.ส.ในสังกัดบ้านใหญ่ “อัศวเหม” เสียด้วย มูลเหตุที่ทั้งหมดพร้อมใจกันโหวตสวนมติพรรคนั้น เป็นเพราะไม่พอใจการจัดสรรงบประมาณลงพื้นที่ปากน้ำที่ไม่ได้รับการแยแสจากมท.1

เรื่องนี้ไม่จบลงง่าย ๆ อย่างแน่นอน เพราะเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคสืบทอดอำนาจทันที เนื่องจาก ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าวของ ส.ส.ทั้ง 6 คน มีการเรียกร้องให้ชงเรื่องให้พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ดำเนินการสอบสวนและเอาผิดไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างทันที โดยที่ต่างพากันมองว่ามีคนใหญ่กว่าผู้นำพรรคที่สั่งให้ ส.ส.เหล่านี้แหกมติพรรค แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่หก ส.ส.ปากน้ำ เนื่องจากยังมีรายของ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคแกนนำรัฐบาลที่โหวตงดออกเสียงในรายของศักดิ์สยาม รัฐมนตรีคมนาคม

เหตุผลของมาดามเดียร์ก็น่าสนใจคือ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยตอบประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ได้ ไม่เคลียร์ ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด ซึ่งการโหวตสวนมติพรรคหนนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะการอภิปรายเมื่อปีที่แล้วเจ้าตัวก็เคยโหวตไม่ไว้วางใจอนุทินมาแล้วเช่นกัน ดังนั้น เมื่อจะจัดการกับ 6 ส.ส.ปากน้ำ มาดามเดียร์ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เพียงแต่ว่าโทษอาจจะเบากว่าหรือไม่ได้ถูกเพ่งเล็งเท่าใด เนื่องจากเป็นการงดออกเสียงไม่ได้ไม่ไว้วางใจ

ขณะเดียวกัน บรรดา ส.ส.งูเห่าเจ้าเก่าขาประจำจากพรรคเพื่อไทย 7 คน และพรรคก้าวไกล 5 คน ก็ยังคงโหวตสวนมติพรรคเป็นเรื่องปกติ เพราะชัดเจนแล้วว่าเลือกตั้งครั้งหน้าย้ายคอกแน่นอน ไม่ต่างจาก 4 ส.ส.ของพรรคเศรษฐกิจไทย ที่โหวตสวนมติพรรคจน ธรรมนัส พรหมเผ่า ถึงขั้นประกาศจะจัดการแบบเด็ดขาด ตามมาด้วย ไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรค ลั่นขอตั้งคณะกรรมการสอบให้ได้ข้อยุติภายใน 7 วัน พร้อมระบุด้วยว่า ไม่มีใจก็ทางใครทางมัน นั่นหมายความว่า อาจจะมีการขับพ้นพรรคกันเลยทีเดียว

แต่ ส.ส.กลุ่มนี้คงไม่อินังขังขอบใด ๆ เพราะ 3 รายชัดเจนแล้วว่าจะย้ายไปเข้าคอกภูมิใจไทย เนื่องจากได้ไปร่วมกิจกรรมพรรคดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่อีกรายมีการแจ้งเหตุผลกับพรรคไว้แล้วถึงการที่โหวตสวนมติครั้งนี้ ซึ่งรายนี้อาจจะไม่ถูกลงโทษรุนแรง เนื่องจากพรรคได้มีการบอกไว้แล้วว่าถ้าจะโหวตสวนต้องแจ้งล่วงหน้าถึงความจำเป็น หรือเหตุผลต่าง ๆ ในการโหวตสวนมติพรรค

สำหรับ 3 ส.ส.ที่จะย้ายค่ายไปภูมิใจไทยนั้นคือ ณัฏฐพล จรัสพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ ธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี และธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก แต่สิ่งที่น่าติดตามจากผลพวงของการหักหลังกันหนนี้ไม่ใช่เรื่องระหว่างธรรมนัสกับพรรคเศรษฐกิจไทยเท่านั้น เพราะเจ้าตัวมีการเปิดศึกกับ ส.ส.กลุ่ม 16 ว่าด้วยการเตรียมเปิดโปงการรับเงินด้วยคำขู่ที่ว่า “พรรคพวกนี้ 3-4 ปีที่ผ่านมา รับเงินเดือนจากใครก็ให้จำไว้ ผมมีลายเซ็นทุกอย่าง รับเกิน 3,000 บาทระวังไว้”

ไม่ใช่เพียงแค่คำขู่ที่ธรรมนัสกร้าวออกมาเท่านั้น หากแต่ยังมีไลน์หลุดตามมาด้วย มีเนื้อหาและภาพที่ระบุให้เห็นว่ารายชื่อ ส.ส.พรรคเล็ก เซ็นรับเงินเดือนประจำเดือนมีนาคม 2563 หลายคน และมีภาพหลักฐานการโอนเงินไปยังบุคคลปลายทางชัดเจน พบว่าเงินที่จ่ายดังกล่าวนั้นเป็นจำนวน 100,000 บาทต่อเดือน กรณีนี้หากเป็นจริงและมีหลักฐานเอาผิดได้มันก็น่าลุ้นไม่แพ้กับการเตรียมขยับปรับ ครม.รอบสุดท้ายของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจเพื่อประคองสถานการณ์ให้ครบเทอม

โดยหากมีการจ่ายเงินดูแลกันจริงมันไม่ใช่แค่ประเด็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐรับเงินหรือสิ่งของเกิน 3 พันบาทเท่านั้น แต่มันจะรวมไปถึงการกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีโทษทางอาญาทั้งผู้ให้และผู้รับ ถ้าเข้าข่ายครอบงำพรรคโทษก็ถึงขั้นยุบพรรค แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่าสิ่งที่ธรรมนัสเปิดมานั้นอาจจะชัดเจนในส่วนของผู้รับ แต่ผู้ให้มีหลักฐานหรือไม่ ขึ้นอยู่กับฝ่ายถูกหางเลขว่าจะพาดพิงไปถึงคนจ่ายหรือไม่ เมื่อประเมินท่าทีงานนี้คงไม่มีการยอมตายเดี่ยวกันแน่นอน

ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากสิ่งที่ธรรมนัสปูดมานั้น สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย มีการโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า รายชื่อพรรคที่อยู่ปั๊บรับแสน มีถึง 9 พรรค แต่ตอนนี้มีชื่อชัด ๆ อยู่ 6 พรรคมีคำว่า ไทยอยู่ 5 คำ คำว่าธรรม 2 คำ ว่ากันว่าอัตราเงินที่ให้คือเดือนละ 100,000 บาท เพื่อไปช่วยประชาชนในพื้นที่ ทั้ง ๆ ที่พรรคเหล่านี้ไม่มีพื้นที่ต้องดูแลอะไร จ่ายกันมาต่อเนื่องเป็นรายเดือนกว่า 36 เดือน คูณไปคูณมาก็กว่า 32 ล้านบาทแล้วที่จ่ายไปเอาเงินสุจริตที่ไหนมาจ่าย

ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ คนรับมีชื่อชัด  แต่คนจ่ายระมัดระวังไม่ใช้ชื่อตัวเอง  ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ธรรมนัสจะกล้าเปิด อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากเรื่องนี้ทำให้ยืนยันว่า เรื่องกล้วยมีจริง คนกินกล้วยมีชื่อแล้ว  คนแจกกล้วยคงหาไม่ยาก แต่ต้องต่อไปให้ถึงเจ้าของสวนกล้วย ตามมาด้วยเสียงขู่จาก วีระ สมความคิด รอเวลาข้อมูลและหลักฐานนิ่ง ต้นเดือนสิงหาคมจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปยื่นกล่าวหาต่อ กกต. และป.ป.ช. งานนี้ ศรีสุวรรณ จรรยา ก็ไม่ควรจะอยู่นิ่ง เช่นเดียวกันกับบรรดานักร้องทั้งหลาย

Back to top button