ฝรั่งเข้าแบงก์-อสังหาฯ

เมื่อถามว่า โอกาสที่ดัชนีจะปรับฐานลงมาต่ำกว่า 1,600 จุด กลับวิ่งขึ้นไปต่อเนื่องนั้น โอกาสทางไหนจะมีมากกว่ากัน


มีนักลงทุนอยากให้ผมเขียนเรื่อง XPG, กลยุทธ์ของเจ้ามือ นักลงทุนรายใหญ่, การสังเกตเรื่องการวาง Bid และ Offer วิเคราะห์หุ้น SABUY และอีกหลายเรื่อง

ยังไงก็ขอติดค้างไว้ก่อนนะครับ

วันนี้ขอเขียนเรื่อง “ฟันด์โฟลว์” ซักหน่อย เพราะกำลังมาแรงจริง ๆ

1-2 วันที่ผ่านมา

ต่อสายคุยกับบรรดานักวิเคราะห์ทั้งรุ่นใหม่ และอาวุโส

ต่างมองตรงกันว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยไม่น่าจะหลุด 1,600 จุดแล้วล่ะ

หรือหากหลุดร่วงลงมาต่ำกว่านั้น

จะเป็นจังหวะดีในการเข้าซื้อ

เมื่อถามว่า โอกาสที่ดัชนีจะปรับฐานลงมาต่ำกว่า 1,600 จุด กลับวิ่งขึ้นไปต่อเนื่องนั้น

โอกาสทางไหนจะมีมากกว่ากัน

คำตอบคือ โอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นไปนั้น จะมีเปอร์เซ็นต์หรือมีน้ำหนักมากกว่า

เหตุผลเพราะว่าแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ หรือฟันด์โฟลว์ จะยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทย และอาเซียนต่อเนื่อง

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นมาจาก 1.ตลาดหุ้นทางยุโรป และสหรัฐฯ เริ่มมีความน่าสนใจลดลง เพราะที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว

ส่วนตลาดหุ้นทางอาเซียนยังมีอัพไซด์เปิดกว้าง

โดยเฉพาะจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง

จีดีพีของกลุ่มประเทศอาเซียนกำลังเติบโตอย่างน่าสนใจ

ล่าสุด เมื่อวานนี้ นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยอีก 3,619 ล้านบาท

ทำให้นับตั้งต่อต้นเดือน สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงวานนี้ (10 ส.ค.) ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยกว่า 15,419 ล้านบาท

และเมื่อนับจากต้นปีมาจนถึงวานนี้ ต่างชาติซื้อสุทธิ 132,770 ล้านบาท

ถามว่า ตอนนี้ต่างชาติสนใจซื้อหุ้นกลุ่มไหน ตัวไหนเป็นพิเศษ

หากจะดูจากเมื่อวานนี้

ต่างชาติน่าจะเข้าหุ้นไทยออยล์ หรือ TOP หนักมาก ดันราคาขึ้นมาบวก 1.25 บาท ปิด 52.255 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 1,368 ล้านบาท

ส่วนหุ้นอื่น ๆ ที่ต่างชาติเข้า คือ BANPU PTT AOT CPALL PTTEP และ SCC

จะเห็นว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มน้ำมัน ค้าปลีก และเปิดเมือง เช่น AOT CPALL

ส่วนกลุ่มธนาคารที่ต่างชาติไล่เข้ามาลงทุนต่อเนื่องนั้น

เมื่อวานนี้น่าจะมีการขายทำกำไรออกมาบ้างทั้ง KBANK BBL SCB KTB

การขายของต่างชาติในกลุ่มแบงก์ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะทิ้งไม่เอาแล้ว

เพียงแต่ว่า ที่ผ่านมาซื้อใส่พอร์ตมาค่อนข้างเยอะแล้ว จึงสลับไปยังกลุ่มอื่น ๆ บ้าง โดยหุ้นทั้งหมดที่ซื้อ จะอยู่ในกลุ่ม SET50 เป็นหลัก และอาจจะมีนอกกลุ่ม SET50 แต่ถือว่าค่อนข้างน้อย

และเมื่อราคาแบงก์ย่อตัว

จะเป็นจังหวะต่างชาติกลับเข้ามาเก็บอีก

และรอบที่เข้ามาเก็บนี้ น่าจะคว้าหุ้นอสังหาริมทรัพย์เข้าไปด้วย

หุ้นอสังหาฯ แม้จะมีเซนติเมนต์เชิงลบจากดอกเบี้ยขาขึ้นเข้ามากดดันบ้าง

แต่ไม่ได้หมายความว่า เข้ามากดดันจนโงหัวไม่ขึ้น

มีการประเมินว่า จะกระทบเพียงเล็กน้อย แบบไม่มีนัยสำคัญมากนัก

ประกอบการราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ลงมาลึก และหลายหุ้นประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลน่าสนใจเช่น SPALI LH SC QH

นักลงทุนที่เคยตั้งคำถามว่า เวลาตลาดหุ้นขึ้น แล้วทำไมพอร์ตหุ้นเราไม่ขึ้น

ก็ลองเข้าไปดักเก็บหุ้นแบงก์ และอสังหาฯ

ช่วงที่ราคาลงมาหรืออยู่ระดับต่ำเข้าพอร์ตดูก็ได้

Back to top button