พาราสาวะถี

บอกไปใครจะเชื่อภาพตรงหน้าของอนุทิน และพลเอกอนุพงษ์ ที่ไปปรากฎกายอยู่ภายในห้องทำงานของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจที่กระทรวงกลาโหม


บอกไปใครจะเชื่อภาพตรงหน้าของ อนุทิน ชาญวีรกูล และ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ไปปรากฎกายอยู่ภายในห้องทำงานของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ที่กระทรวงกลาโหม จะเป็นไปตามที่หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกแค่ว่านำหมอจากสถาบันโรคผิวหนังไปตรวจติดตามการรักษาสะเก็ดตรงบริเวณฝ่ามือเพียงเล็กน้อยของท่านผู้นำเท่านั้น ไม่มีนัยทางการเมืองใด ๆ แอบแฝง และกับ มท.1ก็ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน

ถูกต้องว่าไม่ใช่การนัดหมายโดยอนุทินเอง แต่คงไม่ใช่ความบังเอิญที่ไปพบกันในห้วงเวลานั้นพอดี ถ้าเช่นนั้นใครเป็นคนเรียกเข้าไป ตรงนี้ต่างหากที่เป็นคำถามซึ่งสังคมอยากรู้ และคอการเมืองก็จ้องกันตาเป็นมัน อย่าลืมว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคของเสี่ยหนูถูกจับตามองมากที่สุดว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการหนุนให้พรรคใดพรรคหนึ่งได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่น้องเล็กและพี่รองของแก๊ง 3 ป.ก็มีแนวโน้มว่าจะไม่ไปต่อกับพี่ใหญ่ภายใต้สีเสื้อพรรคสืบทอดอำนาจ

ดังนั้น ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร คนทั่วไปก็ยากที่จะเชื่อว่าการพบกันครั้งนี้ไม่มีอะไรในกอไผ่ ส่วนที่ว่าจะสร้างแรงกดดันให้พี่ใหญ่ต้องหวั่นไหวต่อภาพดังกล่าวหรือไม่นั้น คงไม่มีอะไรมาทำให้สะเทือนได้ เมื่อมองไปยังท่วงทำนองทางการเมืองของน้องรักทั้งสองคนนั้น ถือว่าห่างชั้นกันลิบลับ ขณะที่อนุทินคนในแวดวงเดียวกันต่างรู้เป็นอย่างดี คำพูดในวันนี้อย่าไปยึดเป็นคำมั่นสัญญาใด ๆ นักการเมืองที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชนย่อมเข้าใจดีว่า ไม่มีสัจจะในวงการนี้ เช่นเดียวกันกับสัจธรรมที่ว่าไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร

นอกจากจะไม่สะทกสะท้านกับความพยายามในการขับเคลื่อนจากซีกของฝ่ายที่ถูกให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว การประเดิมลงพื้นที่ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่จังหวัดฉะเชิงเทราวานนี้ ก็เป็นการส่งสัญญาณอย่างหนึ่งทางการเมืองจากคนที่เคยป่าวประกาศไปเมื่อปีก่อนหน้า หลังจากเกิดกระแสข่าวการแตกคอกันของ 3 พี่น้อง แล้วไม่ปรากฏภาพการลงพื้นที่ร่วมกัน “ผมเดินไปกับท่านนายกฯ ไม่ไหว” ตัดมาภาพล่าสุด กับการลุยพื้นที่แปดริ้วชนิดไม่มีความเหนื่อยล้า มันคืออะไร

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่พี่ใหญ่พูดกับข้าราชการและประชาชนที่มาต้อนรับ มันเหมือนกับการตอกหน้าใครบางคน  ที่เวลาลงพื้นที่วางตัวเป็นเจ้าขุนมูลนาย เจ้ายศเจ้าอย่าง คำพูดที่ว่า “กินเงินเดือนจากภาษีชาวบ้านต้องทุ่มเท อย่าคิดว่าตัวเองเป็นนาย” บางคนนั้นพูดเพื่อสร้างภาพ แต่กับบางคนต้องการให้เป็นเช่นนั้นจริง นี่คือการช่วงชิง ขายภาพของความเป็นคนที่พยายามจะใกล้ชิดกับชาวบ้าน ไม่ต้องจัดฉาก ไม่ต้องมาคอยอารักขาอะไรกันให้วุ่นวาย

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวว่าพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ได้สั่งการไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ประสานไปถึงกลุ่มที่รับงานปฏิบัติการข่าวสารหรือไอโอ ให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะความต้องการของพี่ใหญ่คือจะต้องสร้างความสามัคคีในชาติให้เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ข่าวการยกหูหาและพร้อมจะสนับสนุนการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. เป็นการยืนยันถึงแนวทางนี้ คงไม่มีใครรู้ดีเท่าพี่ใหญ่อีกแล้วว่าที่ผ่านมากว่า 8 ปีนั้นมีการทำไอโอในเรื่องใด และกับใครบ้าง

ความจริงในทีมที่ปรึกษาของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ได้มีการส่งข้อมูลให้พี่ใหญ่คอยสื่อสาร และสะกิดเตือนน้องเล็กอยู่ตลอดเวลา หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจ เนื่องจากเห็นว่าการด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม แล้วทำให้ฝ่ายกองเชียร์ไม่ลืมหูลืมตาพึงพอใจนั้นคือความสำเร็จ โดยไม่ได้มองว่าคนส่วนใหญ่คิดและรู้สึกอย่างไร จนกลายเป็นการหลงในคำสรรเสริญ เยินยอ สอพลอจากพวกหวังผลประโยชน์ทั้งหลาย ไม่ได้ยินเสียงเตือนด้วยความหวังดีที่ก่อนหน้านั้นฟังกันมาตลอด

นั่นจึงเป็นสิ่งยืนยันว่า แม้จะพยายามสร้างภาพย้ำความสัมพันธ์ของแก๊ง 3 ป.ยังเหนียวแน่น มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดี หรือไว้เนื้อเชื่อใจกันกลับมาเหมือนเดิม เพราะทางการเมืองนั้นเห็นเป็นเส้นขนานกันไปแล้ว พี่ใหญ่มีแนวทางที่มองภาพจากความเป็นจริง เห็นไปถึงการเมืองที่จะต้องกลับเข้าสู่ระบอบปกติ ทั้งเพื่อการยอมรับของประชาชน และสังคมโลก แต่น้องเล็กยังคงมุ่งมั่นต่อการที่จะให้มีพรรคการเมืองที่จะสนับสนุนตัวเอง และใช้เสียง ส.ว.ลากตั้งเพื่อให้ได้อยู่ในอำนาจต่อไปตามที่ได้วางแผนเอาไว้แล้วเท่านั้น

ไม่เพียงแต่การขับเคลื่อนงานการเมืองเพื่อทำให้พรรคสืบทอดอำนาจยังมีที่ยืนในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไปเท่านั้น พี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.กำลังเริ่มที่จะเขย่าภายในพรรคเพื่อให้ได้คนที่มีใจและพร้อมจะสู้ร่วมกันอย่างจริงใจและจริงจังเท่านั้น ตรงนี้มันจึงมีผลเชื่อมโยงไปถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันว่าไม่ปรับก็ตาม เพราะเป็นที่รู้กันว่า สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคสืบทอดอำนาจจะย้ายคอกไปสังกัดพรรคของเสี่ยหนูแน่นอนแล้ว นั่นหมายความว่าเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยคลังที่เป็นอยู่ก็ต้องเรียกกลับคืนมาด้วย

เมื่อมาสูตรนี้จึงไปเข้าทางต่อการใช้อำนาจเต็มของนายกฯ รักษาการเพื่อปรับให้คนของตัวเองที่ทำงานกับพรรคอย่างแข็งขันให้มีอำนาจในฝ่ายบริหารด้วย ถ้าริบเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยคลังมาจริงคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดว่าจะได้รับตำแหน่งนี้ก็คือ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ชัดเจนว่าบทบาทที่ได้รับมอบหมายจากพรรคในระยะหลังคือการกำหนดนโยบายทางด้านเศรษฐกิจในฐานะทีมเศรษฐกิจของพรรค ส่วนอีก 1 ตำแหน่งที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า เคยถูกริบไปนั้น อยู่ระหว่างการชั่งใจอยู่ว่าจะให้ ส.ส.ภาคใต้ดีหรือไม่ ยังอยู่ในช่วงของการประเมินพิสูจน์ความภักดีต่อกันก่อน

อีกปัจจัยที่จะนำมาซึ่งการปรับ ครม.คือ การลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการของ กนกวรรณ วิลาวัลย์ ของภูมิใจไทยที่ถูกศาลฎีกาสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยจะดัน บุญลือ ประเสริฐโสภา ที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้เสียบแทน ใกล้เลือกตั้งมาทุกขณะเสี่ยหนูไม่เลือกที่จะเสี่ยงวัดดวงรอคำตัดสินของศาลในคดีของกนกวรรณเด็ดขาด ซึ่งสุดท้ายอาจจะสร้างผลกระทบกับพรรคอย่างคาดไม่ถึง จึงจะใช้วิธีให้แสดงสปิริตกันไปเลย ส่วนประชาธิปัตย์กับคำขู่ถอนตัวเพราะเพื่อนร่วมรัฐบาลทวงเก้าอี้นั้น แค่แอ็คชั่นธรรมดาปรับหรือไม่อยู่ที่ นิพนธ์ บุญญามณี ว่าเลือกที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุดก่อน หรือขอไขก๊อกรักษาภาพลักษณ์พรรคเท่านั้นเอง

Back to top button