PTT ที่ราคาต่ำบุ๊ก

โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 พ.ย. 65) ว่า PTT แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 57 บาท มองแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/2565


โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (3 พ.ย. 65) ว่า บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 57 บาท มองแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/2565 แต่ราคาหุ้นบนกระดานซื้อขายยังคงอ่อนปวกเปียกเป็นมะเขือเผาที่ต่ำกว่าบุ๊ก สะท้อนว่าราคาหุ้นยังมีอาการแทรกซ้อนของปัญหาต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังปะปนด้วย ไม่ยอมเลิกรา

กำไรหลักของ PTT ยังคงมาจากราคาหุ้นบริษัทสำรวจและพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP ที่รับอานิสงส์จากขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ แม้ว่าการล่าช้าจากการเข้าสืบทอดต่อจากเจ้าของสัมปทานเดิมในอ่าวไทยอย่างเซฟรอนจะทำให้ศักยภาพในการทำกำไรต่ำกว่าคาดเยอะ และต้นทุนจากการจำหน่ายของ OR จะทำให้กำไรหดหายไปเยอะแยะก็ตาม แต่ธุรกิจก็ยังคงสดใสเท่าเดิม ทำให้กำไรไตรมาสสามของบริษัทโฮลดิ้งยังคงเดินหน้าเป็นขาขึ้นต่อเนื่องยังคงโดดเด่นต่อไป

งบการเงินไตรมาสสาม ของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอย่าง PTT ยังคงเดินหน้าสวยงามตามคาดจากผลพวงของขาขึ้นจากราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมตามคาดหมาย โดยเฉพาะค่าการกลั่นที่ยังคงงดงามต่อเนื่อง

ฝ่ายบริหารของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในไตรมาส 3/64 มีกำไร 23,652.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 14,120.18 ล้านบาท โดยมียอดขายในไตรมาส 3/64 ที่ 558,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.7% ส่วน EBITDA อยู่ที่ 110,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.8%

กำไรที่เพิ่มมากกว่ารายได้ แสดงว่าราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเป็นผลพวงจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่ส่งผลต่อค่าการกลั่นและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีช่วงกลางน้ำและปลายน้ำ

การที่ EBITDA เพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ตามผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจปิโตรเคมีจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวสูงขึ้นและปริมาณขายโดยรวมที่เพิ่มขึ้นโดยมีกำไรสต๊อกน้ำมันของกลุ่มปตท. เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าไตรมาส 3/63

ในส่วนของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณการขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยหลักจากการเข้าซื้อโครงการโอมาน แปลง 61 และราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดำเนินงานดีขึ้น จากธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติและธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซ จากราคาขายเฉลี่ย

กำไรก่อนหักภาษีและต้นทุนทางการเงิน (EBITDA) จำนวน 182,768 ล้านบาท ในไตรมาสสอง ถือเป็นการเพิ่มขึ้นมากมายถึงร้อยละ 61.5 จากไตรมาส 2 ปี 2564 จากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นเพิ่มขึ้นโดยธุรกิจการกลั่นนั่นมีผลการดำเนินงาน เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ สูงขึ้นมากและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญ มีกำไรสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้นรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท ตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

รายได้นี้ สวนทางกับผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเคมีปรับตัวลดลง จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ที่ปรับตัวลดลง และปริมาณขายที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงปิโตรเคมี

ในขณะเดียวกันกำไรจากรายได้ของธุรกิจใหม่เช่นการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ที่ยังไม่ผลิดอกออกผลเต็มที่และการลงทุนสร้างปั๊มเติมพลังไฟฟ้าที่ยังต้องรออนาคตตลาดอยู่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับอนาคตของบริษัทในเครือข่าย

กำไรที่ก้าวกระโดดนี้ ถือเป็นเรื่องที่ทั้ง “เก่ง” และ “เฮง” ที่ไม่อาจจะถูกกล่าวหาว่าค้ากำไรจากการผูกขาดเกินควรเหมือนในอดีตได้อีก และทำให้แผนงานการลงทุนข้างหน้าสดใสมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจเพื่ออนาคต คือการผลิตและประกอบรถยนต์ใช้ที่ยังต้องทดสอบความสำเร็จของโมเดลธุรกิจต่อไป

กำไรที่โดดเด่นของ PTT ครึ่งแรกของปีที่สวยงามนี้ แม้จะถูกรบกวนจากกำไรของหุ้นในเครือกลุ่มปิโตรเคมีช่วงขาลงอย่าง PTTGC ที่กำไรหดหายไปมากมาย ยังคงและยังให้โมเดลธุรกิจใหม่ทางด้านนอน-ออยล์อีก ที่รอผลพวงของตลาดยุคหลังโควิด-19 ทำให้หุ้น PTT กลายเป็นพานทองแท้อย่างแท้จริงยังส่งผลต่อท่าทีของนักลงทุนในตลาดหุ้นเกี่ยวกับการถือหุ้นในอนาคตอีกยาวนาน

กำไรที่โดดเด่นของ PTT ที่ทำให้ราคาทางบัญชีกระโดดขึ้นมาอยู่เหนือที่ระดับ 37 .50 บาท ทำให้ราคาที่ซื้อขายกันแถว ๆ ใต้ 36.00 บาท เป็นราคาที่ต่ำกว่าบุ๊ก และค่าพี/อีอยู่ที่ 6 เท่าเศษ ๆ ถูกที่สุดในรอบ 5 ปีเลยทีเดียว

ถือไว้ในมือ แล้วแสร้งทำลืม ๆ ไปสัก 4 เดือน จะรอรับปันผลเป็นเงินสดงาม ๆ หรือกำไรจากส่วนต่างของราคาก็ได้ทั้งสิ้นแต่อย่าหวังว่าราคาจะสูงขึ้นไปถึงราคาเป้าหมายแถว ๆ 60.00 บาทเลยครับ นั่นน่ะ ราคาในจินตนาการเท่านั้น

Back to top button