DELTA หุ้นอำนาจเหนือตลาด ครอบงำ SET INDEX

SET INDEX ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงในแต่ละวัน เกิดจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นรายตัวว่า ส่วนใหญ่จะไปในทิศทางใด


SET INDEX ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงในแต่ละวัน เกิดจากความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นรายตัวว่า ส่วนใหญ่จะไปในทิศทางใด

ในกรณีที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่า จำนวนหุ้นที่บวกมีมากกว่าหุ้นที่ลบ และต้องเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ โดยมากจะอยู่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100 เป็นหลัก

หุ้นในกลุ่ม SET50 เหล่านี้จะมีอิทธิพลในการกำหนดทิศทางของ SET INDEX ค่อนข้างสูง โดยหุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้ามาอยู่ในกลุ่มนี้ จะดูจากเงื่อนไขเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ หลัก ๆ จะดูที่มูลค่าตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคปของหุ้น และสภาพคล่องเป็นหลัก

แต่ภายหลังจากการเข้ามามีอิทธิพลเหนือตลาดหุ้น ของ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ในการกำหนดทิศทางของ SET INDEX ตามการบวกหรือลบของราคาหุ้นในวันนั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในตลาดหุ้นไทย

พอเปิดตลาดหุ้นหลังปีใหม่มา หุ้น DELTA ได้พยุงให้ SET INDEX บวกทั้ง ๆ ที่หากตัดการคำนวณหุ้น DELTA ออกไป จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยติดลบ หลายวันเลยทีเดียว

แม้ในช่วงหลายวันนั้นหุ้นในกลุ่ม SET50 จะมีปริมาณติดลบมากกว่าก็ตาม โดย “ภาพรวม” ที่เห็นดัชนีเขียวนั้น เกิดจาก “ภาพลวง” ที่เกิดจากการผลักดันหุ้น DELTA ทั้งนั้น

เหตุผลที่สามารถสร้าง “ภาพรวม” จาก “ภาพลวง” ได้อย่างง่ายดาย คือ สภาพคล่องของหุ้น DELTA กระจุกตัว

เนื่องจากที่ผ่านมา หุ้นขนาดใหญ่ที่จะมีอำนาจเหนือตลาด หุ้นเหล่านี้จะมีมาร์เก็ตแคปติด 1-5 อันดับแรก  และจะมีสภาพคล่องของหุ้นที่สูง และมีการถือหุ้นแบบกระจายตัว

สำหรับจำนวนผู้ถือหุ้นใหญ่ ที่โชว์ชื่อ หรือแสดงสถานะแบบเปิดเผยตัวตน ไม่ว่าจะถือผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ ที่ใช้เป็นนอมินี จะมีการถือหุ้นและโชว์ชื่อผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ถึง 85%

ยกตัวอย่างหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่อดีตเคยเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดของตลาดหุ้นไทย มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ล่าสุดรวมแล้วได้จำนวน 82.89%

ในขณะที่หุ้น DELTA ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปแซงหน้าหุ้น AOT ไปเรียบร้อยแล้วแบบทิ้งห่าง มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ล่าสุดรวมแล้ว 95.5% ซึ่งเท่ากับว่า หุ้นที่โชว์ชื่อทั้งหมด หากไม่นำหุ้นออกมาขาย หุ้นที่ถูกนำมาหมุนเวียนจริง ๆ มีอยู่ไม่ถึง 5%

สำหรับหุ้น 5% ที่ถูกนำมาหมุนเวียนจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 65 ล้านหุ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หุ้นถูกนำมาหมุนเวียนน้อยกว่านี้ โดยมีปริมาณหุ้นที่เทรดกันเฉลี่ยวันละ 10 ล้านหุ้นเท่านั้น (ย้อนหลังไปถึง 30 ธ.ค.)

หากเทียบราคาที่หุ้น DELTA เคยวิ่งขึ้นไปทะลุ 900 บาท เท่ากับว่า เม็ดเงินจำนวนไม่ถึง 1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 20-25% ของวอลุ่มเทรดของตลาดรวมรายวัน ก็สามารถกำหนดทิศทางของตลาดหุ้นไทยได้แบบอยู่หมัดว่าจะให้ไปทางไหนตามราคาขึ้นลงของหุ้น DELTA

การปล่อยให้หุ้น DELTA เข้ามามีอิทธิพลเหนือดัชนี โดยการลดเกณฑ์ Turnover ratio ลงจาก 5% มาเหลือ 2% นั้น แทนที่จะกำหนดให้มี Turnover ratio ที่สูงขึ้น เพื่อป้องกันการมีอำนาจเหนือตลาดของหุ้นที่อาจจะมีการถูกนำมาหมุนเวียนเล่นกันอยู่แบบนี้

กลายเป็นว่า การแก้เกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ Turnover ratio ของหุ้น SET50 ช่วงปลายปีก่อน มาวันนี้ต้องมานั่งคิดหนัก ที่จะต้องกลับมา “เรียนแก้” สิ่งที่ตนเอง “ได้เคยผูกเอาไว้” โดยอ้างความเป็นสากลตามตลาดต่างประเทศ อาจจะเป็นปัญหาที่จะลุกลามใหญ่โตในอนาคตได้

Back to top button