สังคมข่าวหุ้น

หากจะถามว่า ดัชนี SET ระหว่างวันจะขึ้นไปทดสอบ 1,700 จุด กับ ค่อย ๆ ปรับลงมาบริเวณ 1,650–1,620 จุด เส้นทางไหนมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน


หากจะถามว่า ดัชนี SET ระหว่างวันจะขึ้นไปทดสอบ 1,700 จุด กับ ค่อย ๆ ปรับลงมาบริเวณ 1,650–1,620 จุด เส้นทางไหนมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน คำตอบคือ โอกาสจะลงนั้นมีมากกว่า เพราะปัจจัยบวกใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนแทบจะมองไม่เห็น ประกอบกับ ดัชนีที่ปรับขึ้นมา เป็นการเก็งกำไรหรือตอบรับกันไปหมดแล้วคือ ตอนการขายทำกำไรนั่นแหละ

เรื่องในสำนักงาน ก.ล.ต. กำลังฝุ่นตลบ ทั้งประเด็น การสั่งปิด บล.เอเชีย เวลท์ และการสรรหาเลขาธิการ ก.ล.ต.คนใหม่ หลังจาก “รื่นวดี สุวรรณมงคล” เลขาธิการ ก.ล.ต.คนปัจจุบัน จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ล่าสุด มีข่าวว่า เลขาฯ คนปัจจุบันอาจจะไม่ลงสมัครเพื่อต่อวาระอีกปี ส่วนคนใหม่ที่จะเข้ามานั้นคือ “วิทัย รัตนากร” ผอ.แบงก์ออมสิน ที่จะหมดวาระลงในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนว่าที่ ผอ.ออมสินคนใหม่ ข่าวว่า มีระดับบิ๊กของกระทรวงการคลังวางตัวไว้แล้ว

ปัญหาเรื่องหุ้นไอพีโอที่เปิดเทรดต่ำกว่าราคาจอง หรือพอผ่านไปสักพัก ราคาร่วงลง หลัก ๆ มาจากการกำหนดราคาไอพีโอแพงเกินไป หรือแทบจะไม่มีอัพไซด์ให้เล่นเลย เช่น เบทาโกร หรือ BTG คือ คนทำงาน วาณิชธนกิจ หรือ IB จะกำหนดราคาแบบเกือบจะเต็มมูลค่า โดยไม่ได้คำนึงว่า แล้วจะให้นักลงทุนในตลาดฯ เข้ามาซื้อเพื่อเล่นต่ออย่างไร และยังไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงต่าง ๆ เข้ามาด้วย การกำหนดราคาแบบนี้ แน่นอนว่า “เจ้าของ” ชอบ ไอบีได้เงิน  แต่คนพังคือนักลงทุน ทำให้มีหลายโบรกฯ ต้องจับ “ไอบี” กับฝ่าย “หลักทรัพย์” มานั่งจับเข่าคุยกัน เพื่อการกำหนดราคาให้เหมาะสม และให้ไอบี มีความมั่นใจในตัวเองลดลงมาหน่อย อย่าอีโก้มาก

หุ้นกลุ่มแบงก์ ราคาสามวันดีสี่วันไข้ โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่ KBANK BBL SCB และ KTB เริ่มจาก KBANK ราคาที่หลุด 150 บาท ลงมา เป็นจังหวะทยอยสะสมได้ ซื้อถือยาว 2-3 เดือนมีกำไรแน่นอน ส่วน BBL ราคาขึ้นมา 4-5 วันติดต่อกันแล้ว ต้องระวังขายทำกำไร หากใครจะเข้า ให้รอช่วงย่อตัว เช่นเดียวกับ SCB ราคาที่ยังต่ำกว่า 110 บาท สะสมได้ ส่วน “กรุงไทย” หรือ KTB มีแนวต้านใหญ่ 18.00 บาท ผ่านยากมาก ๆ แต่หากผ่านขึ้นมาได้ น่าจะเห็นแตะ 20.00 บาท ก่อนไตรมาส 3/2566 แน่นอน เพราะปีนี้ขึ้นหม้อมาก ๆ

หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เวลามีการส่งสัญญาณดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น ราคาจะร่วงลง อย่างเช่นเมื่อวานนี้ พากันลงลิฟท์กันหมด ทั้ง MTC SAWAD KTC SGC SM NCAP AEONTS SAK และอีกหลายหุ้น ส่วนจังหวะในการเข้าเก็บ ต้องเข้าช่วงถูกสาดออกมาเป็นไม้สองหรือไม้สาม เช่น SM เมื่อวานนี้ สาดไม้แรกลงมาที่ 2.16 บาท และไม้สองลดลงมาที่ 2.08-2.06 บาท หากใครเข้ารับราคานี้ มีกำไรแน่นอน เช่นเดียวกับหุ้นไฟแนนซ์อื่น ใช้หลักการเดียวกัน อย่าเพิ่งเข้าไปรับในช่วงที่ถูกทิ้งที่เป็นไม้แรก จำไว้ว่า “ตกขบวนดีกว่าขาดทุน”

หุ้นกลุ่มเจ มาร์ท ทั้ง JMART JMT และ SINGER สัญญาณเทคนิคดูไม่ดีนัก JMART ปิดหลุด 40.00 บาท พี/อี ล่าสุด เหลือ 18 เท่า และหากผลประกอบการงวด Q4/2565 เป็นไปตามคาด จ่ายปันผลเท่าเดิม จะได้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลถึง 4% ถือว่าน่าสนใจ ส่วน JMT ต้องยอมรับว่า มีการเก็งกำไรอาจจะสูงกันไปสักหน่อย พี/อี ล่าสุดประมาณ 50 เท่า เลยมีการปรับพอร์ตขายทำกำไรกันออกมา ส่วน SINGER ราคาหลุดจากราคาที่มีการรับซื้อคืนบริเวณ 28.00-28.50 บาท ทำให้กราฟเกิดการเสียทรง แต่หากมองอีกด้าน น่าจะเป็นจังหวะของการเข้าสะสมได้บ้างแล้ว

บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น TRC ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาต่อเนื่อง เพราะมีข่าววงในว่า มีความคืบหน้าเรื่องการใส่เงินเข้ามาของกลุ่มทุนเพื่อผลักดัน “เหมืองโปแตช” ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ให้ติดตามกัน อย่ากะพริบตา กราฟมักจะมาก่อนเสมอ ในระยะสั้น ราคาหุ้นมีแนวต้าน 0.46 บาท แต่หากผ่านขึ้นมาได้ แนวต้านถัดไป คือ 0.53-0.55 บาท

Back to top button