นักลงทุนเมินข่าวดี หนีความเสี่ยง อาศัยเล่นเร็ว

ในช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยยังคง เผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่สร้างความเปราะบางให้เกิดกับ SET INDEX ทั้งในวันที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือ ปรับตัวลดลง


ในช่วงนี้ ตลาดหุ้นไทยยังคง เผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่สร้างความเปราะบางให้เกิดกับ SET INDEX ทั้งในวันที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น หรือ ปรับตัวลดลงนั้น เกิดจาก

1.ทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนี เกิดจากวอลุ่มการซื้อขายที่ลดน้อยลงในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 4-5 หมื่นล้านบาท

2.แรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ติดต่อกันทุกวัน แต่ลักษณะการเทขายจะมากกว่าจำนวนที่ซื้อ เมื่อเทียบเป็นเม็ดเงินที่ขายต่อวัน หรือแม้แต่จำนวนวันที่ขายก็ตาม

ยอดการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มีจำนวนสูงถึง 56,978 ล้านบาท โดยยอดขายสุทธิดังกล่าว มันถูกหักออก หรือ แมทช์ชิ่ง กับออร์เดอร์ของต่างชาติที่ถูกบังคับให้ซื้อ ที่ยังไม่นับรวมเข้ามา อาทิ

-ออร์เดอร์ big lot ของหุ้น TRUE-DTAC ช่วงสวอปหุ้นกัน ที่มียอดซื้อสุทธิที่ลงบันทึกในฝั่งของนักลงทุนต่างชาติ

-ออร์เดอร์การรีบาลานซ์ ของดัชนี MSCI-FTSE อีกหลายรอบ เป็นต้น

คงไม่ต้องตั้งคำถาม หรือข้อสงสัย ที่ว่า ในวันหนึ่งดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นบวกรุนแรง และในวันถัดมาก็ปรับตัวลดลง โดยไม่มีเหตุผลทางปัจจัยพื้นฐานเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนเมื่อก่อน

ประเด็น วอลุ่มการซื้อขายรายวันน้อย” กับ การเทขายของต่างชาติอย่างต่อเนื่อง” เป็นสิ่งที่สร้างความเปราะบางให้กับตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ การดำรงอยู่ของสถานะหุ้น DELTA ที่กลายเป็น DELTA INDEX OF THAILAND ถือเป็นส่วนที่ 3 นอกเหนือจาก วอลุ่มน้อย” กับ ต่างชาติขาย” ที่สร้างความเปราะบางให้ยิ่งเสี่ยงขึ้นไปอีก

นี่ยังไม่นับรวม การปรับตัวขึ้น หรือลง ตลาดหุ้นต่างประเทศในยุโรปหรือเอเชีย  ที่ส่วนใหญ่ SET INDEX มักจะเดินไปในทิศทางเดียวกัน

ในขณะที่ สถานะความเชื่อมั่นในข่าวดีของตลาดหุ้นไทย ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ ที่กำลังจะมี เลือกตั้ง” หรือ การคาดหวังการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ที่ปัจจุบันรู้จักแต่การใช้เงิน แต่ไม่สามารถหาได้ นอกจากการรีดภาษี กับการกู้ ไปสู่รัฐบาลใหม่ที่จะทำให้เกิดช่องทางในการสร้างรายได้ให้กับประเทศ การลืมตาอ้าปากของประชาชนรากหญ้า ที่จะทำให้ GDP ในประเทศเติบโตขึ้นภายหลังวิกฤติโควิด-19 นั้น ยังอยู่ในสถานะที่คลอนแคลน โดยสถานะการเทขายหุ้นไทยสุทธิ ของนักลงทุน ต่างชาติถือเป็นเครื่องชี้วัดที่ดีตัวหนึ่งถึงความไม่เชื่อมั่น ว่าจะมีข่าวดีของประเทศ

หากยังจำได้ ข่าวเลือกตั้ง ที่ประกาศออกมาจาก กกต. ทำให้ตลาดหุ้นบวกไป ประมาณ 20 จุด แต่พอวันถัดไปก็ไม่ได้ขยับอะไรมาก จนมาวันนี้ ดัชนียังอยู่ต่ำกว่า 1,600 จุด

เป็นที่สังเกตว่า ในปีนี้ ข่าวดี อะไรก็ตามสุดท้าย ที่จะมีผลดีต่อตลาดหุ้น จะกลายเป็นแค่แสงพลุที่ เกิดขึ้นแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายไป อย่างที่ผ่านมา ข่าวชนะประมูลโรงไฟฟ้า 5.2 พันเมกะวัตต์” ที่ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายหุ้นที่ชนะประมูล ก็กลับร่วงสวนข่าวดี และวันนี้ก็ไม่สามารถนำมาเป็นเรือธง ในการซื้อหุ้นเพื่อถือยาวได้

กลายเป็นข่าวดี แต่เล่นกันเร็วมาก เพราะพอผ่านข่าวดีไปแทนที่ราคาหุ้นจะยืนแข็งแรง กลับลงไปใกล้เคียงราคาก่อนที่ผลประมูลจะได้ผู้ชนะออกมา

เดี๋ยวนี้พฤติกรรมที่เล่นกันเร็วมาก ทำให้มีกำไรก็รีบขาย ถ้าไม่ขาย อนาคตอาจจะต้องถูกบีบให้ขายแทน

มาที่ข่าวดีของหุ้น คือ เทศกาลปันผล ซึ่งหุ้นหลายตัว หลังขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วเหมือนจะได้ไม่คุ้มเสีย อาทิอย่างหุ้น BANPU จ่ายปันผล 0.75 บาทต่อหุ้น (มีหักภาษีปันผลเพิ่มอีก)

ราคาหุ้นก่อน XD อยู่ที่ 10.90-11.00 บาท ผ่านมา 1-2 วันหลัง XD ราคาหุ้นอยู่ที่ 9.95 บาท ราคาหุ้นร่วงมากกว่า เงินปันผลที่ได้ แถมค่าP/E ของราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 2 เท่า ก็ยังไม่มีใครสนใจ

ส่วนสัปดาห์นี้ คงต้องมาจับตาดูหุ้น KBANK-SCB หลังขึ้นเครื่องหมาย XD แล้ว ราคาหุ้นจะอยู่ในสถานะที่คุ้มค่ากับเงินปันผลที่ได้รับหรือไม่ โดย KBANK ปันผล 3.50 บาทต่อหุ้น SCB ปันผล 5.19 บาทต่อหุ้น

Back to top button