พาราสาวะถี

ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าดีลลับ มันก็ไม่ควรที่จะถูกนำมาเปิดเผยหรือเล็ดลอดให้ปรากฏเป็นข่าวได้ คงไม่โทษ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในฐานะคนปูดดีลลังกาวี


ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าดีลลับ มันก็ไม่ควรที่จะถูกนำมาเปิดเผยหรือเล็ดลอดให้ปรากฏเป็นข่าวได้ คงไม่โทษ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ในฐานะคนปูดดีลลังกาวี ถ้าจะให้ดีมีข้อมูลลึกจริงก็เปิดเผยให้ชัด ๆ ไปเลยมีใครตั้งโต๊ะถกกัน ไม่กล้าระบุชื่อจริงกลัวถูกฟ้องก็บอกอักษรย่อได้ ในทางการเมืองเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าไผเป็นไผ ไม่ต่างกันกับการปรากฏภาพ เศรษฐา ทวีสิน ร่วมเฟรมกับ อนุทิน ชาญวีรกูล ในเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดสั่งลาเลสเตอร์ ซิตี้ตกชั้น ถ้าจะไปคุยกันเรื่องการเมืองใครจะโง่ปล่อยมีรูปคู่โชว์หราขนาดนั้น

สรุปแล้วก็เป็นเรื่องของการเสี้ยมเพื่อให้เกิดความหวาดระแวงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล นับตั้งแต่ข่าวพรรคนายใหญ่จะตั้งรัฐบาลแข่งนั่นแล้ว สถานการณ์การเมืองเมื่อมองจากผลการเลือกตั้งมันเป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องเดินกันไปแบบไหน ถูกต้องแล้วที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะย้ำทิศทางของพรรคยังไงก็ต้องจับมือก้าวไกลและผลักดัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้สำเร็จ เพราะเสียงของฝ่ายประชาธิปไตยเทให้กับสองพรรคสูงถึง 25 ล้านเสียง

แน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ฉันทามติที่ประชาชนแสดงออกเท่านั้น หากแต่บรรดาระดับนำภายในพรรค ก็อ่านสัญญาณกันออก หากเดินนอกลู่นอกทางมีแต่เสียกับเสีย เพราะเป้าหมายแลนด์สไลด์ที่พังทลายลงไม่เป็นท่า ก็มาจากการถูกโจมตีประเด็นดีลลับจับมือกับลุงคนพี่และพรรคภูมิใจไทยของเสี่ยหนูนี่แหละ จึงเป็นที่มาของเสียงเทให้พรรคสีส้มแบบถล่มทลาย ดังนั้น ขืนดันทุรังเปลี่ยนขั้วแม้จะไม่ได้สังฆกรรมกับพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจก็ตาม ผลลัพธ์ที่จะตามมาประเมินกันแล้วได้ไม่คุ้ม

อีกอย่างที่ทางทีมกุนซือของเพื่อไทยเฝ้าติดตามกันก็คือ ปมการถูกร้องเรียนการถือหุ้นไอทีวีของพิธาที่ดูแนวโน้มแล้วไม่น่าจะรอด ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ย่อมเป็นผลดีต่อพรรคอันดับสองในการที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคจะได้รับการเสนอชื่อแทน และเป็นไปด้วยความชอบธรรม หรือแม้แต่พิธารอดสันดอนมาจากปมที่ถูกกล่าวหา แต่การโหวตในการประชุมรัฐสภาต้องไปดูว่าเสียงของ ส.ว.จะสนับสนุนจนแคนดิเดตนายกฯ ของก้าวไกลได้รับคะแนน 376 เสียงหรือไม่

หากไม่ถึงย่อมเป็นโอกาสของเพื่อไทยอีกเช่นกัน ด้วยมีรายชื่อถึง 3 ตัวเลือก จึงย่อมมีช่องในการเจรจาเพื่อให้ ส.ว.ลากตั้งยอมรับ หรืออีกทางอย่างที่บอกไปวันวาน ต้องดูการประกาศรับรอง ส.ส.ของ กกต.จะมีการแทงกั๊กรับรองไม่หมดทั้ง 500 คนหรือไม่ ถ้าไม่และรายที่ถูกแขวนล้วนแต่เป็นว่าที่ ส.ส.ของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล หรืออาจจะเป็นของก้าวไกลเพียงพรรคเดียว แต่จำนวน ส.ส.ที่ผ่านการรับรองมากพอจนสามารถเปิดการประชุมสภาฯ และนำไปสู่การเลือกนายกฯ ได้ การเมืองว่าด้วยการตั้งรัฐบาล ณ เวลานั้นจะเกิดภาวะวิ่งกันฝุ่นตลบเลยทีเดียว

แต่จากโจทย์ที่ว่าเสียงของประชาชน 25 ล้านหนุนฝั่งประชาธิปไตย ไม่ว่าจะพลิกคว่ำพลิกหงายกันอย่างไร พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะไม่ได้อยู่ในซีกรัฐบาลแน่นอน ยกเว้นมีปาฏิหาริย์หรือการเล่นแร่แปรธาตุชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมนั่นก็อีกเรื่อง ซึ่งโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นยากมากภายใต้บริบทการเมือง ณ เวลานี้ โดยที่ ทักษิณ ชินวัตร เข้าใจต่อกระแสที่เกิดขึ้น เราจึงได้เห็นการแสดงท่าทีอันแข็งขันของระดับนำในพรรคเพื่อไทยต่อการที่จะจับมือกับก้าวไกลอย่างมั่นคง

ขณะเดียวกัน ปมว่าด้วยเก้าอี้ประธานสภาฯ ทางฝั่งเพื่อไทยได้แจ้งความประสงค์ต่อทางฝั่งก้าวไกลไปแล้ว มีทีมเจรจาในการปรึกษาหารือกันเป็นระยะ เพียงแต่ทางพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลขอเวลาถกกันอีกเล็กน้อยก่อนจะให้คำตอบ หากพักวางประเด็นที่จะใช้ตำแหน่งเพื่อเป้าหมายเสนอกฎหมายสำคัญของพรรคโดยเฉพาะการแก้มาตรา 112 การออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือกฎหมายที่ก้าวไกลเห็นว่าเป็นความก้าวหน้านั้น ก็จะมีคำตอบในตัวเองว่า สมควรที่จะมอบเก้าอี้ประธานสภาฯ ให้เพื่อไทยหรือไม่

ทางฝั่งเพื่อไทยที่ได้รับสัญญาณให้เดินหน้ากับ 8 พรรคร่วมต่อไปให้สุดทาง ทีมมวลชนของพรรคที่ส่วนใหญ่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงมาก่อนนำโดย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ได้มีการตรวจทานกระแสของเสียงสนับสนุน สรุปได้ว่า เอฟซีที่ไปยื่นหนังสือให้ถอนตัวจากการตั้งรัฐบาลเป็นเพียงแค่คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีพลังมากพอต่อความเป็นไปของพรรค ขณะที่เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าต้องเดินไปในทิศทางของฝ่ายประชาธิปไตย แล้วให้พรรคได้แสดงศักยภาพในการบริหารเหมือนที่เคยได้รับความไว้วางใจในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อทำให้คนที่หันไปเป็นด้อมส้มกลับใจมาสนับสนุนพรรคดังเดิม

ที่น่าจะเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับพรรคนายใหญ่หนนี้ต่อการจัดฟอร์มรัฐบาลนั่นก็คือ บรรดาตัวบุคคลที่ถูกจัดวางให้เข้าไปเป็นรัฐมนตรีนั้น ไม่มีเสียงต่อต้านจากคนภายในพรรคเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งมีตัวแทนของกลุ่มมุ้งต่าง ๆ ออกมาให้ข่าวเพื่อผลักดันคนในซีกของตัวเองให้มีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร เหตุที่เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่เพียงแค่มีการเลี้ยงดูปูเสื่อกันเป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา หากแต่ทุกคนในพรรคต้องการให้คนมีฝีมือเข้าไปบริหารให้งานในส่วนที่รับผิดชอบทั้งหมดเกิดผลเป็นรูปธรรม

ภารกิจสำคัญเที่ยวนี้คือต้องทำให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นกลับมาดี ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนทำให้เห็นถึงความแตกต่างกับรัฐบาลสืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน โดยบรรยากาศการถกกันของระดับแกนนำที่มีอำนาจตัดสินใจนั้น มีรายงานว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เสนอแนะ แลกเปลี่ยนกันอย่างเต็มที่ ข้อดีอีกประการคือ แพทองธาร ชินวัตร ร่วมวงประชุมด้วย จึงทำให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น เพราะไม่ใช่ว่ามาเป็นตัวแทนทักษิณ แต่เป็นผู้ที่สามารถสั่งการและตัดสินใจได้ในทันที

โดยตัวบุคคลที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้าถือว่าใกล้เคียงกับตัวคนที่ทางพรรคได้วางตัวไว้ รอบนี้จะเป็นการวางตัวคนให้เหมาะสมกับงาน การต่างตอบแทนทางการเมืองจะมีน้อยมาก เรียกได้ว่าบุคลากรของเพื่อไทยที่จะเป็นรัฐมนตรีนั้นไม่มีปัญหา ผิดกับก้าวไกลที่ยอมรับว่าจะดึงคนนอกเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในบางกระทรวง ตรงนี้สะท้อนถึงข้อจำกัดในแง่ของบุคลากรที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ยังขาดประสบการณ์เชิงบริหารและคุณสมบัติยังไม่ถึง แต่ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือคนนอกในแง่อัตลักษณ์ของพรรคแล้ว ใครที่เข้ามาจะต้องมีทัศนคติและแนวคิดทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน

Back to top button