อุทาหรณ์ STARK

การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ยิ่งช้าเนิ่นนานเท่าไหร่ ประเทศชาติย่อมเสียประโยชน์มากมายเท่านั้น ตลาดหุ้นต้องตกเป็นด่านหน้าความเสียหายอย่างช่วยไม่ได้


การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ยิ่งช้าเนิ่นนานเท่าไหร่ ประเทศชาติย่อมเสียประโยชน์มากมายเท่านั้น ตลาดหุ้นต้องตกเป็นด่านหน้าความเสียหายอย่างช่วยไม่ได้

แต่คนในแวดวงตลาดหุ้นที่เป็นผู้บริหารบลจ.กองใหญ่มาก ๆ ท่านหนึ่ง กลับให้น้ำหนักไปที่นโยบายของพรรคก้าวไกล เป็นสาเหตุหุ้นตก ซึ่งหากเลิกเมื่อไหร่ เขียวทั้งกระดานทันที

เท่านั้นแหละ ทัวร์ก็ลง! จากคนในแวดวงเดียวกันอย่างดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ที่ตอบโต้ทันควันว่า “ตรรกะเป็นเท็จ” 

พร้อมกับแฉกลับว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในยุครัฐบาลพล..ประยุทธ์ กองทุนบัวหลวงเพื่อการลงทุนระยะยาว (B-LTF) ที่ผู้บริหารท่านนั้นดำรงตำแหน่งอยู่ ก็ลงทุนแพ้ตลาด แพ้ดอกเบี้ยเงินฝาก และแพ้เงินเฟ้อมาตลอด

ผลตอบแทนติดลบถึง 16.49% นอกจากนี้ยังมีการคัดเลือกหุ้นอย่างบริษัท สตาร์คเข้าพอร์ตลงทุนด้วย ทำให้ผลตอบแทนในรอบ 1 ปีของกองทุนกองนี้ ติดลบ 11.2% อีกด้วย

ปัญหาหุ้น STARK: และแล้วตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือตลท.ก็เทหุ้นสั่งลาเป็นเวลา 1 เดือนให้ซื้อขายกันแบบหน้ามืดตามัว โดยไม่เห็นงบการเงิน และไม่เห็นอนาคตกิจการจะกลับมาฟื้นฟูได้หรือไม่

เฝ้าดูตลาดหุ้นมานานหลายสิบปี ผมไม่เคยเห็นหุ้น (เน่า) ประเภทนี้ จะกลับมาซื้อขายได้ตามปกติสักราย เพราะอาการแต่ละรายก็สาหัสสากรรจ์เอาการทั้งนั้น มีทั้งทุจริต ตบแต่งบัญชี และปั่นหุ้น

สร้างความเสียหายกับผู้ถือหุ้นตอนโลดแล่นในตลาดไม่พอ ยังได้โอกาสเปิดจากตลท. “ปล่อยผี” สั่งลาครั้งสุดท้าย ขยายบาดแผลการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก ขออย่าได้เอาเงินไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันเลย

ผมไม่เข้าใจประเพณีปล่อยผี “หุ้นเน่า” ประเภทนี้สักเท่าไหร่ ถามเหตุผลผู้บริหารตลาดฯ ก็ได้รับคำตอบแต่เพียงว่า ปฏิบัติกันมาแต่ปี 2562 จึงไม่อาจทราบเหตุผลแท้จริงถึงบัดนี้

อันที่จริง หาก “กลไก” หรือ “แมคคานิสซึ่ม” ที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ใช้วิจารณญาณวิชาชีพกันอย่างจริงจัง ก็จะเห็นความผิดปกติทางงบดุลบัญชีของ STARK โดยไม่ยาก 

ข้อพิรุธมีอยู่เรี่ยราดตลอดทาง เพียงแต่ขาดการเอาใจใส่ที่เพียงพอเท่านั้น

ผลประกอบการมีกำไรมาทุกปี แต่กระแสเงินสดขาดแคลนอย่างหนัก แนวโน้มดูจะเสกสต๊อกให้เป็นรายได้ และมีเจ้าหนี้ท่วมหัวทั้งหุ้นกู้-เงินกู้สถาบันการเงินรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท กระทั่งกู้เงินสดเกินบัญชี นี่ยังไม่นับรวมเงินเพิ่มทุนอีก 5 พันล้านบาท

ผลประกอบการช่วงปี 2562-Q3/65 บริษัทมีกำไร 242, 1,531, 2,795 และ 2,233 ล้านบาทตามลำดับ แต่มีลูกหนี้ค้างชำระที่สูงมากอย่างผิดปกติในระดับ 3,465-6,042-15,571 และ 19,615 ล้านบาทตามลำดับ

มันจึงเป็นบริษัทผิดปกติอย่างมากที่โชว์ตัวเลขกำไรจากลูกหนี้ค้างชำระที่สูงมาก หิวกระหายเงินสดอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้น

กรณี STARK เป็นอุทาหรณ์ที่ดีแก่ทุกฝ่ายในการยกเครื่องการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นก.ล.ต.ที่จะต้องดูแลบมจ.ให้ปฏิบัติตัวตามพ.ร.บ.หลักทรัพย์โดยเคร่งครัด ตลท.ก็ต้องหาวิธีดูแลตลาดให้มีสินค้าคุณภาพดีกว่านี้

ไม่ใช่เอาแต่อ้างประเพณีปฏิบัติที่ทำกันมายันเต

ผู้ตรวจสอบบัญชี ก็อย่าได้เชื่อใจว่า เป็น “บิ๊กโฟร์” ราคาค่าบริการแพงระยับแล้ว จะไว้ใจในมาตรฐานการตรวจตราได้ เพราะผ่านมือดีลอยท์ ทูช์มาแล้ว ก็ยังผ่านงบให้หน้าตาเฉย เพิ่งจะมาพบสิ่งผิดปกติเอาในช่วงไพร้ซ์วอเตอร์เฮาส์เข้ามา

นอกจากนี้ก็ “ทริส เรทติ้ง” ที่ฝากผลงานจัดอันดับ “หุ้นขยะ” มาเป็น “หุ้นลงทุน” มีให้เห็นมาแล้วหลายรายไม่ว่า เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ หรือ THAI ควรจะใช้ข้อมูลเชิงลึกที่สืบค้นมากกว่าที่ทำมาเดิม ๆ ดีหรือไม่

สุดท้ายก็อยากฝากถึงบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมหรือบลจ. ซึ่งมีถึง 12 บลจ.ที่ซื้อหุ้น STARK เข้าพอร์ต ควรได้ใช้ความระมัดระวังในการเอาเงินของประชาชนไปลงทุนให้มากกว่านี้

ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างบลจ.บัวหลวงประสบ

ขนาดเพิ่มทุนไปซื้อบริษัทลีโอนีไม่สำเร็จ ก็ยังกอดหุ้น STARK ในพอร์ตแน่นจนราคาหลุดจาก 2.38 บาท มาเหลือ 0.13 บาทตอนนี้เลย

Back to top button