KTC ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น

KTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 1,871.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.12% จากไตรมาส 1/2565 และขยายตัว 12.36% จากไตรมาส 4/2565


คุณค่าบริษัท

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 1.บัตรเครดิต 66.95% 2.สินเชื่อบุคคล 30.3% 3.สินเชื่อตามสัญญาเช่า 2.75%

KTC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิ 1,871.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.12% จากไตรมาส 1/2565 และขยายตัว 12.36% จากไตรมาส 4/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,665.86 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิขยายตัวเมื่อเทียบไตรมาส 1/2565 จาก 1.รายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาส 1/2565 ตามการใช้จ่ายผ่านบัตรที่สูงขึ้น 23% จากไตรมาส 1/2565 และสินเชื่อส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาส 1/2565 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และ 2.cost to income ปรับตัวลงเป็น 32.7% (จากไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 33.5%)

ขณะที่ 3.credit cost เพิ่มขึ้น 0.7% จากไตรมาส 1/2565 มาที่ 5.27% ตามขนาดสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่สูงขึ้น 23% จากไตรมาส 1/2565 และ 4.สินเชื่อพี่เบิ้มยังขยายตัวได้น้อย โดยมียอดให้สินเชื่อใหม่เพียง 334 ล้านบาท (ต่ำกว่าเป้าหมายปี 2566 ประมาณการที่ 9 พันล้านบาท) กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2565 จากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่ลดลง 9% จากไตรมาส 4/2565 ตามยอดสินเชื่อที่หดตัว 1% จากไตรมาส 4/2565 เป็นปกติฤดูกาล และการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่ลดลง 7% จากไตรมาส 4/2565

KTC บริหารต้นทุนทางการเงินได้ดีอยู่ที่ระดับ 2.6% เท่ากันกับไตรมาส 1/2565 และยังคงความสามารถในการติดตามหนี้ได้ดี หนี้สูญได้รับคืนในไตรมาส 1/2566 มีจำนวน 822 ล้านบาท แบ่งเป็น KTC จำนวน 791 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากไตรมาส 1/2565 และจาก KTBL จำนวน 31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.7% จากไตรมาส 1/2565

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ในไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 1.9% เพิ่มขึ้น 0.1% จากไตรมาส 4/2565 ที่ 1.8% แต่ลดลงเมื่อเทียบไตรมาส 1/2565 ที่ 3.6% โดย NPL ของลูกหนี้บัตรเครดิต, ลูกหนี้สินเชื่อบุคคล และลูกหนี้ตามสัญญาเช่า อยู่ที่ 1.1%, 2.8% และ 8.8% ตามลำดับ ด้านอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Coverage Ratio) อยู่ที่ 462.5% ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งมาก และเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาส 1/2565 ซึ่งอยู่ที่ 303.9%

ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC มีอัตราการเติบโตในไตรมาส 1/2566 ที่ 22.5% หรือมียอด 63,989 ล้านบาท สูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ 17.7% เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดลูกหนี้บัตรเครดิตของอุตสาหกรรม รวม ณ เดือน มี.ค. 2566 ที่ 456,783 ล้านบาท ขยายตัว 6.1% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ขณะที่ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลปีนี้อยู่ที่ 851,590 ล้านบาท เติบโต 18.1% KTC มีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมสำหรับไตรมาสแรกปี 2566 ที่ 14.8% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของ KTC เท่ากับ 12.2% และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 3.8%

ข้อมูลจาก Refinitive Consensus สำหรับ KTC ระบุว่า ประมาณการรายได้รายรวมปี 2566 ที่ 25,189.95 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 8,003.27 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 58.15 บาท จาก 10 โบรกเกอร์

บล.กสิกรไทย ระบุว่า คาดว่ากำไรในไตรมาส 2/2566 จะเติบโตเล็กน้อยจากไตรมาส 1/2566 และไตรมาส 2/2565 โดยได้แรงหนุนจากอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่สูงขึ้น NII หรือรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้นจากการเติบโตของสินเชื่อ และ credit cost ที่คงที่ ชอบ KTC จากการเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ คุณภาพสินทรัพย์ที่ยืดหยุ่นจากฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น KTC ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 20 มิ.ย. 2566 ที่ 50.25 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 17.99 เท่า ต่ำกว่า P/E กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 18.00 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น KTC อยู่ที่ 3.90 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ที่ 1.94 เท่า

Back to top button