STARK พ่นพิษใส่ GLORY!

ล่าสุดมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai มีผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกขาดทุน สังเวยพิษสงของ STARK แล้ว คือ GLORY


เส้นทางนักลงทุน

การทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 นี้ มีประเด็นที่น่าจับตามองและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะปัญหาของบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ยังพ่นพิษไม่เลิก

ล่าสุดมีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 1 ราย มีผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกขาดทุน สังเวยพิษสงของ STARK แล้ว นั่นคือ บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY

GLORY รับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีของหุ้นกู้ STARK ที่กลุ่มบริษัทได้ลงทุนไว้จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนนี้เพื่อบริหารการลงทุนและดำเนินการตามคำแนะนำการลงทุนจากที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ดูแลด้านการลงทุนบริหารสินทรัพย์

เมื่อเปรียบเทียบงวด 6 เดือนแรกปี 2566 กับช่วงเดียวกันของปี 2565 กลุ่ม GLORY มีรายได้จากการขายและบริการ 45.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4%

ขณะที่ รายได้อื่นมีจำนวน 2.51 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% ของรายได้รวมของงวดเดียวกัน เพิ่มขึ้น 0.94 ล้านบาท หรือ 60% ของงวดปีก่อน

มีต้นทุนขายและบริการ 26.78 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 6.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34% เพราะการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้าที่วางจำหน่าย และต้นทุนการบริการส่วนใหญ่เป็นต้นทุนในการซื้อลิขสิทธิ์วรรณกรรม จะถูกตัดจำหน่ายโดยวิธีเส้นตรงในมูลค่าที่เท่ากันตลอดระยะเวลาที่บริษัทถือครองลิขสิทธิ์ ทำให้การรับรู้รายได้และต้นทุนไม่สอดคล้องกันตามระยะเวลา

กลุ่ม GLORY ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่และออกสู่ตลาดในช่วงปลายเดือนมีนาคม คือ อลิสา (Alisa) ซึ่งเป็น Generative AI รายแรกของประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้เข้าใช้งานในประเทศไทย 1.8 ล้านคน โดยอลิสาสามารถพูดคุยเข้าใจได้คล้ายการคุยกับคน และสร้างรูปภาพได้ใน AI เดียว มีข้อมูลจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถช่วยลดเวลาทำงานให้กับผู้คนได้จริง โดยตัวอย่างส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำได้ เช่น เขียนโฆษณา เขียนแผนงาน ปรึกษาพูดคุย ขอไอเดีย เขียน Code โปรแกรม ช่วยทำงานวิจัย ทำการตลาด สอนหนังสือ สรุปข้อมูลจากไฟล์หรือเว็บไซต์อัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในงวดนี้ กลุ่ม GLORY มีกำไรขั้นต้น 18.71 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 41% ของรายได้จากการบริการ ลดจากเดิมที่ 52% เพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่ในระยะเริ่มต้น โดยต้นทุนจะสูงในระยะแรก และจะค่อย ๆ ลดน้อยลงตามลำดับ

งวดนี้มีค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย 14.85 ล้านบาท สัดส่วนอยู่ที่ 31% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 12.10 ล้านบาท มาจากค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายสินค้า, ค่าโฆษณา และการทำการตลาด โฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่ Alisa Generative AI

มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร 31.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 70% มาจากการรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีของหุ้นกู้ STARK ที่กลุ่มบริษัทได้ลงทุนไว้จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มบริษัทมีกระแสเงินสดคงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก

จึงบริหารสินทรัพย์โดยหมุนเวียนเงินสดไปลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนและหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ มีวัตถุประสงค์ให้ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปกติ และขณะนั้นกลุ่มบริษัทมีการบริหารการลงทุนในหลายสินทรัพย์ด้วยกัน

ซึ่งหุ้นกู้ STARK เป็นตัวเลือกหนึ่ง และในขณะที่ทำการลงทุน หุ้นกู้ STARK มีผลการประเมิน Company Rating อยู่ที่ BBB+ ซึ่งเป็น Investment Grade และประกอบกับคำแนะนำการลงทุนจากที่ปรึกษาทางการเงิน ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ซึ่งเป็นที่ปรึกษาที่ดูแลด้านการลงทุนบริหารสินทรัพย์ให้กับกลุ่มบริษัท จึงตัดสินใจลงทุน

หลังเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับหุ้นกู้ STARK ขึ้น ได้ดำเนินการทยอยขายหุ้นกู้ตัวอื่น ๆ ออก เนื่องจากเจตนาหลักต้องการลงทุนในกองทุนและหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ ไม่ได้ต้องการผลกำไรจากการลงทุนส่วนนี้เป็นหลัก แต่เป็นการบริหารจัดการสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากปกติ และกลุ่มบริษัทยังคงนโยบายการลงทุนกับการประกอบธุรกิจหลักของบริษัทเป็นนโยบายหลัก

นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายยังมาจากค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทย่อย และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าตัดจำหน่าย สินทรัพย์ไม่มีตัวตนจากจำนวนลิขสิทธิ์ที่กลุ่มบริษัทถือครองมากขึ้น

กลุ่ม GLORY ขาดทุนสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2566 เท่ากับ 24.68 ล้านบาท ลดลง 32.25 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อน เพราะรับรู้ผลขาดทุนทางบัญชีจากการลงทุนในหุ้นกู้ STARK รวมทั้งมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาและนำออกสู่ตลาดของ Alisa Generative AI

จากงบการเงินกลุ่ม GLORY มีสินทรัพย์รวม 298.30 ล้านบาท ลดลง 57.28 ล้านบาท หรือ 16% มีหนี้สินรวม 18.95 ล้านบาท คิดเป็น 6% ของยอดหนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งลดลง 16.40 ล้านบาท หรือลดลง 46% มาจากเจ้าหนี้การค้า และเจ้าหนี้อันเกิดจากการดำเนินธุรกิจปกติที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ

ขณะที่ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 279.35 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของหนี้สินรวม และส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 40.88 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปี 2565 มาจากผลขาดทุนจากการดำเนินงานของบริษัทสำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2566 จำนวน 24.68 ล้านบาท และกลุ่มบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 จำนวน 16.20 ล้านบาท

งานนี้ STARK พ่นพิษใส่ GLORY ซะแล้ว

Back to top button