วิกฤติราคาน้ำมันรอบใหม่.!?

การก่อปะทุสงคราม “อิสราเอลและกลุ่มฮามาส” กำลังสร้างความกังวลทั่วโลกว่า หรือนี่จะเป็นชนวนเหตุให้ราคาน้ำมันดิบโลกขึ้นเร็วยิ่งขึ้นหรือไม่ ?


การก่อปะทุสงคราม “อิสราเอลและกลุ่มฮามาส” กำลังสร้างความกังวลทั่วโลกว่า หรือนี่จะเป็นชนวนเหตุให้ราคาน้ำมันดิบโลกขึ้นแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เร็วยิ่งขึ้นหรือไม่ ? แม้ว่า “อิสราเอล” ไม่เป็นแหล่งผลิตน้ำมันเหมือนดั่งเช่นกลุ่มประเทศตะวันออกกลางอื่น ๆ ก็ตามที

จากปลายสัปดาห์มาถึงวันนี้..ไม่มีใครที่คาดเดาหรือทำนายได้เลยว่า สงครามที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จะยืดเยื้อยาวนานหรือจบลงเมื่อใด บทเรียนจากกรณี “รัสเซีย-ยูเครน” ที่แต่เดิมประเมินกันว่าน่าจะไม่ยาวนาน แต่สุดท้ายมาถึงวันนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจบลงในเร็ววันนี้เลย

และนั่นทำให้ราคา “น้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ” และสินค้าโภคภัณฑ์ต่าง ๆ ปรับขึ้นอย่างร้อนแรงมาแล้ว

ที่สำคัญกรณี “สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส” จะถูกขยายวงกว้างหรือถูกยกระดับนำไปสู่กลุ่มประเทศที่หนุนหลังหรือพันธมิตรกับทั้ง 2 ประเทศหรือไม่..

นี่คือ “ความเสี่ยง” ที่น่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง.!!!

มีข้อมูลที่บ่งบอกว่า “ราคาน้ำมัน” เป็นขาขึ้นต่อเนื่อง..!!

นั่นคือล่าสุด สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ระบุว่าราคาน้ำมันดิบช่วงเดือน ก.ย. 2566 ปรับขึ้นสูงสุดรอบ  9 เดือน จากความกังวลต่ออุปทานตึงตัวหลังซาอุดีอาระเบีย ขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมที่ 1.0 ล้านบาร์เรลต่อวันจนถึงสิ้นปี 2566

เช่นเดียวกับรัสเซีย ปรับลดการส่งออกลง 0.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงสิ้นปีนี้ด้วยเช่นกัน

รวมทั้งแรงหนุนจากราคาน้ำมันดีเซล ที่ปรับตัวขึ้นท่ามกลางความกังวลต่ออุปทาน จากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นในสหรัฐฯ

นอกจากนี้มีปัจจัยจากเศรษฐกิจจีนเดือน สิงหาคม 2566 ปรับตัวดีขึ้น หลังรัฐบาลใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น 4.5% จากปีก่อน อีกทั้งปริมาณการกลั่นจากโรงกลั่นจีนปีนี้เพิ่ม ขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบประวัติการณ์ที่ระดับ 15.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีก่อน หลังความต้องการใช้ในประเทศและการส่งออกเพิ่มขึ้น

โดยรายงานประจำเดือน กันยายน 2566 ของกลุ่ม OPEC มีการเปิดเผยการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันของโลกว่า จะปรับเพิ่มขึ้นอีก 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวันช่วงปี 2567 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกปีหน้ามีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่ EIA คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันจะเติบโต 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันช่วงปี 2567

อย่างไรก็ตามมีปัจจัยลบจากความต้องการใช้น้ำมันและเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่อง หลังพายุไต้ฝุ่น Haikui เข้าถล่มฮ่องกงและเซินเจิ้น ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง อีกทั้งสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ยังคงแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับผู้นำเข้าที่ถือสกุลเงินอื่น รวมทั้งราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินอาเซียนปรับเพิ่มขึ้นทุกประเทศ

อีกปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่น่าจับตามอง โดย IEA คาดการณ์ตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่ภาวะขาดดุลอย่างมากช่วงไตรมาส 4/66 ที่ประมาณ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากอุปทานน้ำมันดิบ ปรับลดลงจากการขยายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย

ขณะที่อุปสงค์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นช่วงปลายปี 2566 สอดคล้องกับการคาดการณ์กลุ่มโอเปกที่คาดว่า ตลาดจะขาดดุลมากสุดรอบ 5 ปี สำหรับปี 2567 IEA คาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเติบโตที่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนอุปทานจะปรับเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ตลาดมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ภาวะเกินดุลอีกครั้ง

ด้วยความเปราะบางของสถานการณ์สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาส จึงน่าสะพรึงกลัวไม่น้อยว่า “วิกฤติราคาน้ำมันโลก” จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่..เตรียมใจกันไว้ให้ดีเถอะ..!!

Back to top button