ตั้งลำเพื่อขึ้นใหม่

วันนี้ “โมนิก้า” ขอพูดจากใจจริงว่า การตั้งลำของตลาดหุ้นไทยในเที่ยวนี้ มันเป็นเรื่องที่เพอร์เฟกต์มาก ๆ เพราะเป็นการประคองตัวในช่วงที่บาทเริ่มแข็ง


วันนี้ “โมนิก้า” ขอพูดจากใจจริงว่า การตั้งลำของตลาดหุ้นไทยในเที่ยวนี้ มันเป็นเรื่องที่เพอร์เฟกต์มาก ๆ เพราะเป็นการประคองตัวในช่วงที่บาทเริ่มแข็ง และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มลดลง หรือแม้กระทั่งเรื่องดอกเบี้ยที่ทำท่าจะหยุดขึ้น และจะเริ่มปรับตัวลดลงในปีหน้า ล้วนเป็นประเด็นที่ส่งผลดีกับตลาดหุ้นไทย เดี๊ยนถึงมองว่า จังหวะนี้เหมาะต่อการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตนะจะบอกให้

งานนี้ไม่ว่า แฟนคลับจะ “เชื่อ” หรือ “ไม่เชื่อ” ก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียส เพราะเป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคน เดี๊ยนไม่มีสิทธิ์ไปบีบบังคับให้ใครเชื่อตาม และเรื่องนี้จะได้รับการพิสูจน์ในสัปดาห์หน้า หลังดัชนียืนประคองตัวปิดที่ระดับ 1,450.75 จุด ลบไป 5.24 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.68 หมื่นล้านบาท แถมการเล่นเที่ยวนี้เป็นการวนกลับมาที่หุ้นแบงก์ และหุ้นไฟแนนซ์ อีกครั้งแบบนี้.., มันส่อให้เห็นว่า ตลาดหุ้นกำลังกลับมาเล่นเรื่องผลงานไตรมาส 3 เป็นประเด็นหลักจ้า

เหล่านี้อาจเป็นเรื่องเก่าที่นำมาเล่าบนสถานการณ์ใหม่ก็จริง แต่ด้วยรูปแบบการเล่นลักษณะนี้ก็ทำให้หลายคนทำรอบสั้น ๆ อย่างสบายใจเฉิบ ขณะเดียวก็ทำให้ความวิตกกังวลที่เดี๊ยนมีต่อประเด็นต่าง ๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการเล่นรอบ และเมื่อนำประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาร่วมกับท่าทีของกองทุนที่ดูจริงจังขึ้นกว่าเดิม ก็ทำให้เชื่อว่า สัปดาห์นี้มันพะย่ะค่ะ

โดยเฉพาะในรายของแบงก์ตราดอกบัว BBL ถือเป็นตัวเอกที่ทุกกองทุนชอบเล่น ผนวกกับหุ้นสามารถยืนทรงตัวได้เป็นเวลานาน “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 169.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 0.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 943 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 9 เท่า ก็เป็นเหตุผลซัพพอร์ตที่ทำให้เชื่อว่า หุ้นมีโอกาสขึ้นไปทดสอบยอดเก่าที่บริเวณ 175 บาทอีกครั้งก็เท่านั้นเองค่ะ

เช่นเดียวกับในรายของ MTC เปิดกระโดด 3 วันติดแบบตื่นเต้นเร้าใจ ก็เป็นช็อตที่ทำให้ “โมนิก้า” คิดว่า เหมาะต่อการไหลตามน้ำ เพราะวงรอบของหุ้นที่เล่นเป็นประจำอยู่ที่ระดับ 34-42 บาท และการที่หุ้นยืนปิดในระดับ 37 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.02 พันล้านบาท ก็เป็นระดับที่มีความเสี่ยงปานกลาง จึงเป็นช็อตที่เหมาะสำหรับเหล่าผู้กล้านะตัวเอง

ส่วนใครที่เป็นสายลุยต้องไม่พลาดมองหุ้น NCAP ไว้เป็นทางผ่านในช่วงที่ต้องการฆ่าเวลาไปพลาง ๆ เพราะการวิ่งขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.10 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 6.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 143 ล้านบาท มันหมายความว่า กำลังมีการระดมไพร่พลเพื่อทำหุ้นรอบใหม่ เพราะเมื่อดูจากปัจจัย “พื้นฐาน” ควบคู่กับ “ราคา” ก็ทำให้เห็นว่า ราคาระดับนี้สามารถเข้าไปตะลุมบอนมั่ว ๆ ได้นะ..อิอิอิ

สำหรับคนที่ชอบหุ้นพื้นฐานแน่น ๆ และมีสตอรี่โกรทซัพพอร์ตตลอดทางที่เล่น “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น GFC เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะคนที่ยึดคติ “เล็กพริกขี้หนู” เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า หุ้นตัวนี้แซ่บมาก! และการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดในระดับ 10.90 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 5.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 87 ล้านบาท เทียบกับราคาเป้าที่มีอัพไซด์ต่ำ ๆ 20% แบบนี้..น่าลุยไหมเอ่ย?..ถ้าไม่แน่ใจลองรีเช็กกับกระบี่มือหนึ่งอย่าง “หมอวิน” ก็ได้นะจ๊ะ

ส่วนคนที่ชอบของ “ช้าแต่ชัวร์” เดี๊ยนคงต้องมองไปที่หุ้นยางตัวท็อปของตลาดอย่าง NER เพื่อชี้ให้เห็นผลงานที่ทำได้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ราคาหุ้นดันไม่ตอบรับแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นของที่นักเล่นต้องมี เพราะเมื่อดูในมุมอัพไซด์ที่อยู่ในระดับ 60% ก็น่าเล่นเหลือเกิน หรือมองในมุมของปันผลที่อยู่ในระดับ 7% ก็เตะตาสุด ๆ จึงเชื่อว่า การยืนปิดที่ระดับ 4.66 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท น่าสนใจจ้า

ตบท้ายกันที่ควันหลงการเปิดตัวคุณพี่ “พรอนงค์” ที่ก้าวขึ้นมานั่งเป็นเลขาฯ ก.ล.ต. คนที่ 8 ที่ประกาศกร้าวอย่างชัดเจนว่า ต้องการพัฒนาตลาดทุนให้มีความโปร่งใส และเตรียมเด็ดหัวพวกนักการเงินสายดาร์กแบบนี้ (พวกแสบ ๆ มีหนาวแน่นอน เพราะคุณพี่เขามาจากสายบัญชี) “โมนิก้า” รู้สึกแฮปปี้เป็นอย่างมาก และพาลให้นึกถึงสมัยที่อาจารย์ “วรพล” เข้ามายกระดับการทำงานของสำนักงานแห่งนี้ ซึ่งเป็นการวนลูปที่น่าตื่นเต้นสำหรับอีฉัน และหวังว่าน้องโมจะได้รับโอกาสแลกเปลี่ยนมุมมองเป็นการส่วนตัวเหมือนสมัยก่อน ๆ..อิอิอิ

Back to top button