10 หุ้นกำไรโต TESG จ่อซื้อ

ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนทั่วโลกยอมรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นไทยได้น้อยกว่าประเทศอื่น สะท้อนจากตลาดหุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลงลึกถึง 17.38%


ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนทั่วโลกยอมรับความเสี่ยงในตลาดหุ้นไทยได้น้อยกว่าประเทศอื่น

สะท้อนจากตลาดหุ้นไทยปีนี้ปรับตัวลงลึกถึง 17.38% นับจากต้นปีที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลก MSCI ACWI บวก 15%

พร้อมกับส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ (Market Earnings Yield Gap : MEYG) ตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ระดับ 4% กว้างกว่าประเทศอื่น ๆ

มีการประเมินว่าดัชนีหุ้นไทย อยู่ในระดับน่าสนใจในการสะสมแล้ว

และความเชื่อมั่นรวมถึงมูลค่าซื้อขายมีโอกาสค่อย ๆ ทยอยกลับมา

ข้อมูลจาก ASPS มองว่า ปัจจัยที่สนับสนุนตลาดหุ้นไทยให้กลับมาน่าสะสม คือ

1.มูลค่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ปัจจุบันดัชนีที่ 1,378 จุด มี P/E ที่ถูกมากอยู่ที่ 13.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 18.8 เท่า

2.ตลาดหุ้นไทยมักจะไม่ลบ 2 ปีติดต่อกัน

และปีนี้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไป 17% เป็นปีที่ลดลงมากสุดอันดับที่ 7 จากทั้งหมด 49 ปีที่ผ่านมา น่าจะมีโอกาสฟื้นได้ในปีหน้า

3.ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยน่าจะค่อย ๆ กลับมา

ทั้งนี้ จากความหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังที่เข้มข้นขึ้น

รวมถึงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น หนุนกำไรปี 2567 มีโอกาสเติบโตได้ดีถึง 12.6%

โดยมีกลุ่มหุ้นที่ลงแรงปีนี้ แต่คาดกำไรเติบโตเด่นปีหน้า น่าลงทุน คือ กลุ่มปิโตรเคมี, สื่อ และสิ่งพิมพ์, บริการรับเหมาก่อสร้าง, การเงิน และพาณิชย์

4.ช่วงที่เหลือของปีคาดหวังเม็ดเงินจากกองทุน THAILAND ESG FUND หนุนตลาด 1-2 หมื่นล้านบาท

หากย้อนไปดูข้อมูลในอดีต พบว่าดัชนี SETESG ชนะดัชนีทุกระยะเวลา

ไม่ว่าทั้งระยะ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี และ 3 ปี

และมีโอกาสปรับตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากการที่นักลงทุนให้ความสำคัญเรื่อง ESG มากขึ้นเรื่อย ๆ

จึงหนุนให้เม็ดเงินใหม่ทยอยเข้ามาหนุนตลาดหุ้น

ดังนั้น จึงมีการทำการคัดกรองหาหุ้นที่มี ESG Rating ดี และหุ้นกำไรปีหน้าโตเด่น น่าทยอยสะสมลงทุน คือ

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราคาเป้าหมาย 48 บาท

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาเป้าหมาย 77 บาท

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ราคาเป้าหมาย 48 บาท

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ราคาเป้าหมาย 34 บาท

บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ราคาเป้าหมาย 35 บาท

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC ราคาเป้าหมาย 42 บาท

บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ราคาเป้าหมาย 29 บาท

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท

และ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท

Back to top button