Yearbook 2024 ‘A Year of Value Investing’

ขออำลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ครับ...สำหรับปี 2024 Yearbook by InnovestX มาด้วยแนวคิด “A Year of Value Investing”


ขออำลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ครับ…สำหรับปี 2024 Yearbook by InnovestX มาด้วยแนวคิด “A Year of Value Investing” โดยต้องการจะสื่อว่าตลาดหุ้นไทยขณะนี้มีหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าอยู่มากเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนระยะยาว ซึ่งฟังดูอาจรู้สึกว่านี่เป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือไม่ ผมขอเรียนเบื้องต้นก่อนว่า สถานการณ์ปัจจุบันและที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2024 จะเปลี่ยนไปจากปี 2023 โดยคาดว่าการเปลี่ยนแปลงจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ 2H24 ต่อเนื่องถึงปี 2025 เนื่องจากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจะค่อย ๆ ลดลง อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีโอกาสปรับลดลงครั้งแรกนับจากวัฏจักรขาขึ้นที่เริ่มต้นใน 1Q22

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการลงทุนใน 1H24 ยังคงมีความผันผวนสูง โดย InnovestX คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเกิดภาวะถดถอย ทำให้ตราสารหนี้ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน ในขณะที่ตลาดหุ้นจะเริ่มน่าลงทุนในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวลดลงแล้ว โดยปี 2024 นั้น ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดหุ้นชั้นนำอย่าง สหรัฐฯ และ ยุโรป เนื่องจาก เศรษฐกิจยังมีอัตราการเติบโตในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง โดยมีโอกาสที่จะเห็นเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้นอีกด้วย หากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 

สำหรับปี 2023 นั้นถือว่าเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นชั้นนำ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และ ยุโรป รวมถึง ไต้หวัน และ เกาหลีใต้ แม้จะเป็นปีที่มีปัจจัยกดดันหลายเรื่อง โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารสหรัฐฯ โดยส่วนใหญ่เป็นการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคโนโลยี ส่วนตลาดหุ้นฝั่งเอเชียให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่ามาก เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่สูง และเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าคาด ส่งผลให้มีเงินทุนต่างชาติไหลออก    

สำหรับตลาดหุ้นที่อาการน่าเป็นห่วงสุดคงหนีไม่พ้น “ตลาดหุ้นไทย” ที่ราคาหุ้นตกหนักกว่าเพื่อนบ้านในปี 2023 เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังเผชิญวิกฤตความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ส่งผลให้หุ้นพื้นฐานดี มีราคาตกต่ำกว่ามูลค่า (undervalue) โดยบางหุ้นมีราคาต่ำกว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีอีกครั้งสำหรับ “นักลงทุนระยะยาว” ที่สามารถเริ่มทยอยซื้อสะสมหุ้นไว้เพื่อรอวันที่ตลาดฟื้นตัว โดยอาจใช้กลยุทธ์ที่เป็นที่ยอมรับกัน คือ Dollar Cost Averaging (DCA) ก็ถือว่าเหมาะสมมากในเวลานี้

เทรนด์การลงทุนที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2024 ได้แก่ 1) หุ้น ESG เนื่องจากได้รับการส่งเสริมจากทางการ 2) หุ้นเทคโนโลยี AI เนื่องจากสามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้จริง 3) กองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ซึ่งจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยลดลง และ 4) Bitcoin เนื่องจากคาดว่า Spot Bitcoin ETF จะได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต.สหรัฐฯ และ เป็นช่วงที่มี Bitcoin halving ในเดือน เม.ย. 2024

สำหรับความเสี่ยงที่ต้องติดตามปี 2024 ได้แก่ 1) ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หากมีการเปลี่ยนขั้วอาจกระทบต่อนโยบายหลาย ๆ ด้าน 2) ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในปี 2024 และ 3) ผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกจาก BOJ หยุดนโยบายผ่อนคลาย  

ทั้งนี้ InnovestX เลือก 10 Top Picks 2024 ได้แก่ AMATA, BBL, BEM, BDMS, CPALL, CRC, GULF, OR, SCC และ SCGP (นักลงทุนสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน Special Report : Yearbook 2024 “A Year of Value Investing” ซึ่งออกเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 66)

Back to top button