LPN เผชิญเสี่ยงหุ้นกู้.!

ไม่รู้ว่าเป็นเทรนด์ของบรรดาบจ.ไปแล้วหรือเปล่า..!? ที่ช่วงนี้พาเหรดออกหุ้นกู้กันมือระวิง บางเจ้าก็ออกเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนไปลงทุนต่าง ๆ


ไม่รู้ว่าเป็นเทรนด์ของบรรดาบจ.ไปแล้วหรือเปล่า..!? ที่ช่วงนี้พาเหรดออกหุ้นกู้กันมือระวิง บางเจ้าก็ออกเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนไปลงทุนต่าง ๆ ส่วนบางเจ้าก็นำไปแก้ปัญหาชีวิต จ่ายหนี้ Roll Over หุ้นกู้ชุดเก่าที่จะครบกำหนด…ก็ว่ากันไป

รายล่าสุดเป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ นั่นคือบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ซึ่งแจ้งต่อตลาดหลักทรัพยฯ เกี่ยวกับการออกหุ้นกู้วงเงินที่เหลือล็อตสุดท้ายจากที่เคยขอไว้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือในวันที่ 24 มี.ค. 2565 วงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท

มาคราวนี้ ออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้ชุดที่ 1 วงเงิน 682.40 ล้านบาท อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 26 ม.ค. 2569 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.10% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 26 ม.ค. 2570 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.40% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้..ซึ่งก็ไม่น้อยนะ ทั้ง 2 ชุดรวมกันเป็นวงเงิน 1,500 ล้านบาท…

แล้วถ้าไปดูย้อนหลังในการระดมทุนผ่านหุ้นกู้ของ LPN ก็มีหลายชุดนะ….ช่วงปลายปีที่แล้วเพิ่งออกหุ้นกู้ระยะสั้นไปหยก ๆ 3 ชุด เป็นวงเงิน 1,100 ล้านบาท ประกอบด้วย ชุดแรก ออกเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 วงเงิน 500 ล้านบาท อายุ 3 เดือน, ชุดที่ 2 ออกเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2566 วงเงิน 550 ล้านบาท อายุ 3 เดือน และชุดที่ 3 ออกเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2566 วงเงิน 50 ล้านบาท อายุ 6 เดือน

ไฮไลต์อยู่ที่หุ้นกู้ 2 ใน 3 ชุดจะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือน มี.ค. 2567 ส่วนอีกชุดจะครบกำหนดในเดือน มิ.ย. 2567

แหม๊…อายุสั้นจัง..!!

ส่วนหุ้นกู้ที่เคยออกไปเมื่อช่วงปี 2565 จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวมเกือบ 2,000 ล้านบาท ก็จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2567 เช่นกัน ประกอบด้วย หุ้นกู้วงเงิน 1,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 13 พ.ค. 2567 และหุ้นกู้วงเงิน 400 ล้านบาท อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 17 ก.ย. 2567

ถ้าลองกดเครื่องคิดเลขดู เท่ากับว่าในช่วงครึ่งแรกปี 2567 LPN มีภาระในการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบดีลสูงถึง 2,600 ล้านบาท อันนี้ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนะ

LPN เข้าข่ายเผชิญความเสี่ยงหุ้นกู้ป๊ะเนี่ย..??

โอเค…การออกหุ้นกู้ 2 ชุดใหม่ล่าสุด วงเงิน 1,500 ล้านบาท ก็คงนำไปชดเชยล็อตที่จะครบดีลได้บางส่วนแหละ…

อ้าว…แล้วส่วนต่างที่เหลือ LPN จะทำยังไงล่ะเนี่ย..? หรือจะมาจากผลการดำเนินงาน…ก็ไม่รู้สินะ

แต่ถ้าไปย้อนดูผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่ค่อยสู้ดีนะ ประสบปัญหารายได้และกำไรถดถอย โดยปี 2562 มีรายได้รวม 10,031.06 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,256.04 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้รวม 7,450.38 ล้านบาท กำไรสุทธิ 716.35 ล้านบาท ปี 2564 มีรายได้รวม 5,594.85 ล้านบาท กำไรสุทธิ 302.34 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้รวม 10,300.76 ล้านบาท กำไรสุทธิ 612.14 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีรายได้รวม 5,561.78 ล้านบาท กำไรสุทธิ 336.05 ล้านบาท

ครั้นหันไปดูตัวเลขสำคัญอื่น ๆ ก็น่าหวาดเสียว โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดอยู่ในกระเป๋าแค่ 416.48 ล้านบาท มีส่วนของหนี้สิ้นระยะยาวส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีอยู่ที่ 1,918.03 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นหนี้หุ้นกู้เกือบทั้งหมด หรือราว 1,896.87 ล้านบาท หนี้สถาบันการเงิน 1.20 ล้านบาท และหนี้อื่น ๆ อีก 19.96 ล้านบาท

ขณะที่มีสินค้าคงเหลือสุทธิ 19,760.63 ล้านบาท แบ่งเป็น สินค้าสำเร็จรูป 7,518.96 ล้านบาท และต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 12,241.67 ล้านบาท

ยังมีสต๊อกเหลือบานนะเนี่ย…!!

สาเหตุคงเป็นเพราะ LPN เป็นอสังหาฯ ที่ยึดตลาดระดับกลางและล่าง โดยเน้นกลุ่มอสังหาแนวดิ่ง หรือคอนโดมิเนียมเป็นหลัก ทำให้เมื่อมีวิกฤตลูกค้ากลุ่มนี้ ก็จะได้รับผลกระทบก่อนไปตามระเบียบ

แหม๊…เห็นสถานการณ์ LPN นาทีนี้แล้ว คงต้องร้องเพลง “…อาการน่าเป็นห่วง ใครใครเขาก็เตือน…”

หรือถ้าไม่ใช่ ก็เอาปากกามาวงได้น้า…

…อิ อิ อิ…

Back to top button