ขายไม่เลิก

สิ่งที่ “โมนิก้า” ไม่สบายใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็คือ “ขายไม่เลิก” และยังมีข่าวร้ายผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด


สิ่งที่ “โมนิก้า” ไม่สบายใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็คือ “ขายไม่เลิก” และยังมีข่าวร้ายผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนเกิดอาการฝ่อกันเป็นแถว เพราะหุ้นที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ทำท่าจะลงแรงอีกครั้ง จึงต้องเร่งระบายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดหุ้นอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลงแบบนี้ มันเป็นภาพที่สร้างความกังวลอย่างแรงนะจะบอกให้

ด้วยเหตุนี้ “โมนิก้า” ถึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นดัชนีเด้งกลับ แต่จะมีอาการนอยด์มากเมื่อเห็นดัชนีเริ่มทิ้งตัว ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์วานนี้ที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,373.14 จุด ลบไป 3.14 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.24 หมื่นล้านบาท มันเป็นภาพที่ทำให้เดี๊ยนต้องจั่วหัว “ขุดบ่อล่อปลา” ไปเมื่อวันก่อน เพราะเมื่อดูไส้ในของตลาดหุ้นไทยจะเห็นว่า ยังไม่มีอะไรที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันไงล่ะคะ

เหมือนกับแรงขายที่สาดใส่หุ้น BTS ตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 6.05 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 9% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 915 ล้านบาท ก็ทำให้ “โมนิก้า” เพิ่งได้รู้ว่า เนื้อในของงบการเงินกำลังมีปัญหาอย่างแรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสายสีเหลือง หรือต้องตั้งด้อยค่าเงินลงทุนแบบนี้ มันกลายเป็นสถานการณ์ที่บั่นทอนความมั่นคงของธุรกิจในทุกมิติเลยนะตัวเอง

คล้ายกับสถานการณ์ของแบงก์ KTB ก็มีประเด็นตั้งสำรองเป็นชนักติดหลัง ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่กล้าดันหุ้นแบบสุดตัว หลังสภาพเศรษฐกิจมันชวนให้สงสัยว่า ไตรมาส 1 จะต้องตั้งสำรองอีกเยอะไหม? และเรื่องนี้จะทำให้กำไรของแบงก์ลดลงขนาดไหน? มันเป็นเรื่องที่ชวนให้นักลงทุนรู้สึกขยาดอย่างแรง และลงเอยด้วยการประคองตัวปิดที่ระดับ 16.10 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 978 ล้านบาทเจ้าค่ะ

ส่วนประเด็นที่ชวนให้ขนหัวลุกไม่เลิกสักที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น CRC เป็นรายถัดมา เพราะประเด็นที่พาร์ตเนอร์ของกลุ่มเซ็นทรัลมีปัญหา มันพาลทำให้บริษัทในกลุ่มได้รับผลกระทบไปตามกัน และนำไปสู่การขายหุ้นออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 34 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 770 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 11 เดือนแบบนี้..ต้องรีบออกมาเคลียร์แล้วล่ะค่ะ

ขนาด CPN ที่พรายกระซิบเม้าท์ว่า ยังทำผลงานได้ดี แต่ก็มีความกังวลว่า มีสิทธิ์ที่จะโดนร่างแหไปด้วย จึงทำให้นักลงทุนสถาบันรินหุ้นออกมาเป็นระลอก จนหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 64.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 576 ล้านบาทแบบนี้ เดี๊ยนไม่ค่อยกังวลสักเท่าไหร่ เพราะหลายครั้งที่ผ่านมาจะเห็นว่า หุ้นชอบเด้งกลับเมื่อลงที่บริเวณ 63 บาท หรือถอยลงมาหน่อยจะเป็นบริเวณ 62 บาทน่ะซี

สำหรับรายที่ทำให้เดี๊ยนกังวลอย่างหนักขอมองไปที่ BANPU เพราะรายนี้มีประเด็นราคาถ่านหินขาลงคอยกดดัน ซึ่งอาจทำให้กำไรปีนี้พลาดเป้าอย่างมีนัยสำคัญ  และทำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมาตลอดเวลา จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 6.35 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 426 ล้านบาท และมีสิทธิ์ที่จะทำนิวโลว์ในรอบหลายปีแบบนี้..อย่าเข้าไปยุ่งกับเขาดีกว่านะจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น UREKA เพื่อชี้ให้เห็นการพุ่งพรวดขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.70 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 16.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 260 ล้านบาท มันเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องพึงสังวรณ์มากเป็นพิเศษ เพราะเที่ยวก่อนก็มาในรูปแบบนี้ แต่สุดท้ายก็เลิกดื้อ ๆ เดี๊ยนเลยไม่รู้ว่า เที่ยวนี้หุ้นมีข่าวดีอะไรมาซับพอร์ต! จึงอยากฝากเตือนไว้นิดหนึ่งจ้า!

ตบท้ายที่หุ้นม้ามืดอย่าง UEC กันดีกว่า เพราะเป็นหุ้นเพียงไม่กี่ตัวที่ทะยานอย่างแข็งแกร่ง ทั้งที่ช่วงต้นเดือนยืนเหงา ๆ ที่บริเวณ 1.50 บาท แต่หลังจากนั้นก็ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนวันนี้ขึ้นมาปิดที่ระดับ 1.97 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 44 ล้านบาท ท่ามกลางผลงานปี 66 พลิกกลับมามีกำไรจำนวนมาก และหุ้นก็เทรดแค่ PE 8 เท่าแบบนี้..เหมาะสำหรับพวกชอบลุยไฟจริง ๆ นะออเจ้า

Back to top button