เรื่องเล่าขาเผือก

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเหมือนเมื่อก่อน เพราะแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเริ่มหนาแน่น


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเหมือนเมื่อก่อน เพราะแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเริ่มหนาแน่น ขณะเดียวกันก็พบว่าแรงขายก็มีลักษณะอ่อนแรงลงไปทุกที จึงกลายเป็นช็อตของการไล่หุ้นเพื่อรับข่าวกำไรโต หรือจะเป็นการไล่ซื้อเพื่อรับปันผลก็มีเหมือนกัน “โมนิก้า” จึงไม่มีประเด็นที่ทำให้ซีเรียสอีกต่อไป เพราะรอแค่เวลาที่ดัชนีจะยกฐานขึ้นไปยืนเหนือ 1,400 จุดอย่างแข็งแกร่งเท่านั้นจ้า!

ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวแคบ ๆ ตลอดทั้งวัน ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,400.02 จุด บวกไป 3.06 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.57 หมื่นล้านบาท จึงเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ ในจังหวะที่ดัชนีกำลังสะสมพลังเพื่อขึ้นอย่างมั่นคง และในระหว่างที่รอให้ทุกอย่างเป็นจริงนั้น ก็ดันมีเรื่องชาวบ้านให้เม้าท์คั่นเวลาไปพลาง ๆ และมีหลากหลายเรื่องราวที่อยากเม้าท์ ให้ จึงขอคัดมาเฉพาะบางเรื่องที่น่าสนใจก็แล้วกันจ้า

สำหรับเรื่องแรกที่อยากจะเม้าท์ถึง คงโฟกัสไปที่การเปลี่ยนแปลงของ ตลท. ก่อนใครเพื่อน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในองค์กรทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นการล้างบางคนเก่าหรือเปล่า? หลังมีข่าวเม้าท์ให้แซ่ดว่า ภายในแตกออกเป็น 2 ฝั่ง ซึ่งเป็นผลมาจากการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยแบบสะเปะสะปะ จึงทำให้กลุ่มใหม่ที่เข้ามาอยากจะส่งคนของตนเองเข้ามาสะสางปัญหาน่ะซี

งานนี้เลยมีการไล่กันเป็นช็อต ๆ ว่า “เจ๊.จ” คือคนที่ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเชื่อใจมากสุด และให้เจ๊คนดังกล่าวเร่งเดินเกมหลังบ้าน เพื่อเอาประเด็นที่มีปัญหาไปรายงานให้ “เฮีย.ต” ได้รับทราบ แต่บางคนกลับมองว่า เรื่องนี้เป็นการยืมมือคนอื่นเพื่อเชือด “เฮีย.ป” หลังบริหารงานอีท่าไหนก็ไม่รู้ จนทำให้ ตลท. ตกเป็นจำเลยสังคม เพราะไม่สามารถตอบข้อสงสัยเรื่อง “โรบอท” กับ  “เน็กเก็ต ชอร์ต” ได้น่ะซี

สถานการณ์ทำให้มีเสียงร่ำลือถึงเรื่องการปลดกลางอากาศออกมาเป็นระลอก แต่จะเป็นจริงเหมือนที่ร่ำลือขนาดไหน? ไม่มีใครรู้ได้..แต่ถ้าถามความคิดส่วนตัวของ “โมนิก้า” ก็ต้องบอกว่า ไม่น่าจะมีการปลด เพราะจะทำให้คนมองว่า การเมืองล้วงลูก สู้เอาเข้าห้องเย็นเพื่อปรับทัศนคติให้ไปในทางเดียวกับทีมเศรษฐกิจ น่าจะเป็นทางออกที่ วิน-วิน กับทุกฝ่าย (ยกเว้นยังเป็นเด็กดื้อ ก็ต้องลงหวายกันบ้าง)..อิอิอิ

อีกประเด็นที่คนเป็นแฟนคลับหุ้น WEH สนใจก็คือ ตามที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งคุ้มครองหุ้นและเงินปันผล โดยให้วางเงินปันผลต่อศาลจำนวน 2.74 พันล้าน ขณะเดียวกัน “ณพ” ก็ยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวนั้น..ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 67 มีข่าวออกมาว่า ศาลได้เลื่อนอ่านคำพิพากษา และจะแจ้งการอ่านอีกครั้ง ส่งผลให้เงินปันผลทั้งก้อนยังอยู่ที่ศาลเหมือนเดิม..ทราบแล้วบอกต่อด้วยนะจ๊ะ

ส่วนอีกประเด็นที่เป็นเรื่องเชื่อมโยงกับประเด็นข้างต้น แต่เป็นคนละกรณี คงเป็นเรื่องนู๋ซ่า NUSA ขอให้เพิกถอนมติลงทุนในหุ้น WEH พร้อมกับอธิบายเหตุผลว่า หุ้นมีปัญหา! ขณะเดียวกันก็มีคำโต้แย้งออกมาว่า หุ้นที่มีปัญหาอยู่ในฝั่งของนพพร 60% ส่วนที่ไม่มีปัญหาเป็นของรายย่อย 40% และในส่วนนี้ก็ผ่านการทำดีลดิลิเจนท์อย่างเป็นทางการ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ซักค้านอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีใครออกมาคัดค้านดีลดังกล่าว จึงไม่อยากให้อีกฝั่งมาเทกันแบบนี้ และกลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องดูกันต่อไปเรื่อย ๆ หรือมันอาจเป็นอาถรรพ์ของหุ้นร้อนตัวนี้หรือเปล่า?..อิอิอิ

ตบท้ายกันที่เรื่องหุ้น IPO กันดีกว่า เพราะดูเหมือนนักลงทุนจะแยกแยะหุ้นแต่ละตัวได้ค่อนข้างดี จึงรู้ว่า หุ้นตัวไหนน่า “จองซื้อ” กับ “ไม่จองซื้อ” ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ สำหรับการลงทุนในปีมังกรทอง “โมนิก้า” เลยขออวยพรให้นักเล่นประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้นไอพีโอ เพราะได้ข่าวว่า ปีนี้จะมีหุ้นน้องใหม่เข้าตลาดหุ้นไม่ต่ำกว่า 60 ตัวกันเลยทีเดียว จึงน่าจะหัดประเมินแวลูด้วยตัวเองกันไว้บ้าง..รู้เขา รู้เรา รู้แล้วรอด คือยอดนักลงทุนนะคะ

Back to top button