พาราสาวะถี

ไฮไลต์ทางการเมืองสัปดาห์นี้คงอยู่ช่วงระหว่างวันที่ 14-16 มี.ค. เพราะ ทักษิณ จะบินไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินส่วนตัว เพื่อเคารพอัฐิบรรพบุรุษ


ไฮไลต์ทางการเมืองสัปดาห์นี้คงอยู่ช่วงปลายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 14-16 มีนาคม เพราะ ทักษิณ ชินวัตร จะบินไปเชียงใหม่ด้วยเครื่องบินส่วนตัว เพื่อเคารพอัฐิบรรพบุรุษ โดยที่เวลาเดียวกัน เศรษฐา ทวีสิน ก็มีคิวงานที่นั่นก่อนจะไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดพะเยาวันที่ 18-19 มีนาคม จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกขาประจำ ฝ่ายตรงข้าม จะนำไปขยายผลผูกเอาสองกรณีเป็นประเด็นทางการเมือง เนื่องจากคงปฏิเสธได้ยากว่า ไปถึงขนาดนั้นแล้ว นายกรัฐมนตรีปัจจุบันจะไม่มีโอกาสเข้าพบอดีตนายกฯ

จะอ้างเรื่องของเวลาไม่ตรงกันคงเป็นไปไม่ได้ อยู่ที่ว่าจะให้การเข้าพบเป็นไปอย่างเปิดเผยหรือเป็นการส่วนตัวนั่นอีกเรื่อง แต่สไตล์เศรษฐาเชื่อแน่ว่าถ้าจะไปก็ต้องบอกกล่าวกับนักข่าว เพื่อไม่ให้ต้องไปตีความกันต่าง ๆ นานา ขณะเดียวกัน ทักษิณไม่มีอะไรจะต้องปิดลับอยู่แล้ว โดยเฉพาะบรรดากองเชียร์จะพากันยกโขยงไปรอต้อนรับเนืองแน่น ของแบบนี้มันอยู่ที่ความชื่นชอบส่วนตัวห้ามกันยาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลอดีตนายกฯ ในฐานะผู้ได้รับการพักโทษอย่างกรมคุมประพฤติก็สั่งอะไรไม่ได้

เมื่อเงื่อนไขในการพักโทษ ไม่ได้ห้ามเรื่องการพบปะผู้คน และการพูดเรื่องทางการเมือง ซึ่งความจริงทั้งตัวของทักษิณ และฝ่ายรัฐบาลเองก็เข้าใจความลำบากใจของข้าราชการทั้งระดับสูงและฝ่ายปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ จึงจะไม่ทำอะไรที่ต้องให้เป็นเรื่องหนักใจของทุกฝ่าย เพราะเดิมพันจากการพลิกขั้วตั้งรัฐบาลนั้นมันสูง จึงต้องช่วยกันประคับประคองให้อยู่ได้นานที่สุด แค่เห็นคนยังรักมหาศาลและตามไปให้กำลังใจก็ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกทั้งต่อตัวอดีตนายกฯ รวมไปถึงคนในเครือข่ายอยู่แล้ว

การได้กลับบ้านตามความต้องการที่จะมาแบบเท่ ๆ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว มิติทางการเมืองจึงเป็นเรื่องที่จะถูกขับเคลื่อนโดยลูกสาวคนเล็กอย่าง แพทองธาร ชินวัตร ที่ได้มีการวางบทบาทในการสร้างผลงานผ่านการทำหน้าที่ในคณะกรรมการที่ทางเศรษฐาได้ตั้งขึ้น ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ล่าสุด ก็ขนาบข้างเศรษฐาในการเดินทางไปเยือนฝรั่งเศส เป็นการเรียนรู้และสร้างผลงาน บ่มเพาะรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายใหญ่ในอนาคต

เหมือนอย่างที่ อนุทิน ชาญวีรกูล เคยให้สัมภาษณ์ไว้ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอุ๊งอิ๊งสามารถเป็นได้มากกว่ารัฐมนตรีเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าสถานการณ์ทางการเมือง และปัญหาของบ้านเมืองปัจจุบันผู้นำอย่างเศรษฐาคือคนที่ใช่ ไม่ว่าภาพของทักษิณจะเริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ จนถูกมองว่าครอบงำทั้งรัฐบาลและเพื่อไทย แต่รูปแบบการต่อสู้เปลี่ยนไป วันนี้ไม่ใช่เรื่องอนุรักษนิยมสุดโต่งกับระบอบอุปโลกน์อย่างระบอบทักษิณเหมือนที่แล้วมา

แต่เป็นระหว่างพวกอนุรักษนิยมสุดโต่ง เพื่อไทย กับพรรครุ่นใหม่อย่างก้าวไกล โดยมีประเด็นความอ่อนไหวทางความรู้สึกของผู้คน และสังคมเป็นเดิมพัน เข้าใจว่าทุกอย่างต้องมีความเปลี่ยนแปลง แต่จะเปลี่ยนแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินคงไม่ใช่ นั่นจึงทำให้แรงต้านจากพวกสุดโต่ง และพลังที่อยู่เหนือการเมืองทั้งหลาย หันมาถือหางเพื่อไทยให้เป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ชูการก้าวข้ามความขัดแย้ง ทั้งที่เคยเป็นคู่บาดหมางกันมาก่อน

ปฏิกิริยาต่อต้านของฝ่ายที่ได้ชื่อว่ามีพลังจนล้มทั้งรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลในเครือข่ายมาได้ตลอดนั้น นาทีนี้ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว เห็นได้จากท่าทีที่มีต่อการเดินทางกลับประเทศของอดีตนายกฯ จะมีแต่พวกหน้าเดิมขาประจำหรือพวกหน้าใหม่ที่ไม่ใช่พวกเสียงดัง การเดินทางกลับบ้านเกิดที่เชียงใหม่หนนี้ก็จะเป็นอีกบทพิสูจน์ ทั้งนี้ ท่วงทำนอง จังหวะเคลื่อนของทักษิณจะไม่หวือหวา เร้าใจเหมือนในอดีต ไม่ได้อยู่ที่อายุซึ่งมากขึ้น หรือติดเงื่อนไขจากการพักโทษ

หากแต่เป็นเงื่อนไขที่ผ่านการเจรจาที่เรียกว่าดีลสำคัญ การเดินทางกลับประเทศเพื่อรับโทษและหลังพ้นโทษ ย่อมเป็นไปตามพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลดโทษให้กับทักษิณที่ว่า เพื่อจะได้ใช้ความรู้ ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ไม่ว่าจะในฐานะกุนซือรัฐบาล หรือที่ปรึกษาสำคัญของเพื่อไทย ทั้งหมดจะไม่ใช่เพื่อการใช้อำนาจเล่นงานฝ่ายตรงข้าม หรือทำลายล้างพรรคการเมืองคู่แข่งอีกต่อไป แต่จะขับเคลื่อนร่วมกันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น

จากโจทย์ที่เป็นแบบนี้ จึงทำให้เศรษฐาเดินหน้าทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ต้องกังวลเรื่องทางการเมือง ส่วนที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 นั้น ไม่ได้มีอะไรให้น่ากังวล ยิ่งเรื่องทักษิณบอกไปหลายหนแล้วว่า สามารถแก้ต่างได้ทุกข้อสงสัย ทั้งนายกฯ และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ตอบได้ง่ายมาก เมื่อกระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นในรัฐบาลก่อน จึงมองไม่เห็นว่าจะมีส่วนใดที่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลเศรษฐา

ประเด็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังไม่รู้หมู่หรือจ่า เมื่อเป็นสิ่งที่รัฐบาลยังไม่ได้ตัดสินใจ การอภิปรายจึงไม่รู้ว่าจะนำเอาเรื่องอะไรมาตั้งข้อกังขา ถ้าบอกว่ารอบคอบเกินไป ไม่เป็นไปตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็น่าจะเข้าอีหรอบเดิมที่ฝ่ายค้านยุคเพื่อไทยเคยทำหน้าที่ร่วมกับก้าวไกลในการซักฟอกรัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจ ก็ไม่เห็นมีอะไรสร้างความสั่นคลอนให้กับฝ่ายกุมอำนาจได้ หนนี้ก็ไม่ต่างกัน ยิ่งเป็นการซักฟอกแบบไม่ลงมติด้วยแล้ว ทำให้น้ำหนักและความน่าสนใจหายไปหลายเท่าตัว

ก่อนการอภิปรายถ้ากระแสยังเป็นไปแบบนี้ก็จะไม่ได้รับความสนใจจากประชาชน การไม่มีเรื่องใหม่ เอาแค่ประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่แล้วมาอภิปรายใส่สีตีไข่มันก็ไร้ประโยชน์ เหมือนเป็นการสรุปเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพื่อหวังตีกินเท่านั้น ที่ต้องจับตาคงเป็นการทำหน้าที่ของ สส.พรรคประชาธิปัตย์มากกว่า จะเต็มร้อยขนาดไหน คาดหมายได้ว่าการซักฟอกครั้งนี้จะไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยเฉพาะการปรับ ครม.เพราะโจทย์ที่เศรษฐาได้ให้ไว้คือ รอให้รัฐมนตรีได้ใช้งบประมาณก่อนแล้วถึงจะเริ่มให้คะแนนพิสูจน์ฝีมือ มิหนำซ้ำ พวกลากตั้งยังมาซักฟอกตัดหน้าอีกต่างหาก ถ้าสภาสูงกร่อยสภาล่างคงไม่ต่างกัน

Back to top button