พาราสาวะถี

บอกไว้แล้วว่าให้จับตาดูการเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมาของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ภารกิจคือไปร่วมงานฌาปนกิจศพ วิชัย ช่างเหล็ก


บอกไว้แล้วว่าให้จับตาดูการเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมาของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ภารกิจคือไปร่วมงานฌาปนกิจศพ วิชัย ช่างเหล็ก หรือ ลุงป๊อก อดีตคนขับรถคู่ใจ อีกด้านเมื่อเห็นแอ็กชันทางการเมืองตั้งแต่ลงเครื่องบินที่สนามบินโคราชไปจนถึงบริเวณงาน และกิจกรรมหลังจากนั้น รวมถึงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ล้วนแต่เป็นการทำให้มองเห็นภาพอนาคต ทุกการขับเคลื่อนของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นำจิตวิญญาณของสมาชิกพรรคเพื่อไทย มีเป้าหมายเพื่อหวังผลทางการเมืองทั้งสิ้น

การพูดท่ามกลางแกนนำทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่ภัตตาคารเสียวเสี้ยว ทำให้เห็นทั้งการเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคนายใหญ่ ขณะเดียวกัน ก็จะเป็นจุดที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปเป็นประเด็นขยายผลได้ นั่นก็คือ คำประกาศที่ว่า สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา จะมาเป็นกำลังหลักสำคัญของพรรคเพื่อไทย โดยทักษิณบอกว่า “ผมพูดแทนลูกสาว เพราะหัวหน้าพรรคอายุยังน้อย เลยต้องให้พ่อมาลิปซิงค์ ไม่กล้าเอ่ยปากชวนเอง”

ท่วงทำนองเช่นนี้ คู่แข่งและฝ่ายแค้นย่อมชี้ชวนให้สังคมคล้อยตามได้ว่า ทักษิณเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง และครอบงำพรรคแกนนำรัฐบาล ย่อมหนีไม่พ้นที่บรรดานักร้องทั้งหลายจะไปยื่นให้ กกต.ดำเนินการตรวจสอบเพื่อนำไปสู่การยุบพรรค ประสาคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ถูกกระทำมาแล้วสารพัดรูปแบบย่อมรู้ดีว่าพูดแบบนี้แล้วผลที่จะตามมานั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อทุกอย่างยังไม่เกิดคนที่ถูกเชื้อเชิญยังไม่ตอบรับ มันย่อมเข้าทำนองกลอนพาไป จะถือเอาไปเป็นสาระจริงจังถึงขั้นเล่นงานเอาผิดได้อย่างนั้นหรือ

ขณะเดียวกัน เหตุผลที่ใช้แก้ต่างง่าย ๆ ก็คือ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคือลูกสาว ซึ่งย่อมเป็นธรรมดาที่ลูกจะปรึกษาพ่อผู้มีประสบการณ์ตรงทางการเมืองในทุกเรื่อง ใครจะมองว่าบงการอย่างไร มันย่อมขึ้นอยู่กับการตีความของผู้มีอำนาจที่จะตัดสินชี้ขาด ซึ่งเมื่อมองประเด็นต่อมาจากการให้สัมภาษณ์ของคนบ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว ก็ทำให้เห็นว่าชะตากรรมของรัฐบาลพลิกขั้วที่ผ่านวงเจรจาพิเศษมานั้น ไม่น่าจะถึงจุดจบด้วยกรณีที่ เศรษฐา ทวีสิน ถูก 40 สว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

สิ่งที่ทักษิณบอกกับนักข่าวเมื่อนำมาเทียบกับรายชื่อ 40 สว.ที่ถูกเปิดเผยกันมา ก็เป็นการตอกย้ำตามที่อดีตนายกฯ ว่า “ประเทศไทยใครเคลื่อนไหวอะไร ก็จะรู้ว่าคนนี้เป็นคนของใคร เคลื่อนไหวด้วยเหตุอะไร สังคมการเมืองเขารู้ว่าใครเป็นคนของใคร อย่างไร เป็นเรื่องธรรมดา มีเช่นนี้มาช้านานแล้ว” นั่นย่อมทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจได้ว่า การกระทำหนนี้เป็นไปเพื่อสนองต่อผู้มีพระคุณ เพื่อกระตุกนายใหญ่อย่าได้ล้ำเส้น แสดงออกทางการเมืองจนเกินงามมากเกินไป

จะเรียกว่าเป็นการเปิดเกมเพื่อให้มีการต่อรองคงไม่ผิดนัก สุดท้ายเหมือนที่ทักษิณว่า คงไม่ถึงขั้นล้มได้ แต่อาจเป็นการสร้างความวุ่นวาย บ้านเมืองชะงักงันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา แต่มองว่าจะไม่มาก เพราะหากชี้แจงได้ก็ไม่เป็นอะไร การถอดสลักโดยให้ พิชิต ชื่นบาน ไขก๊อกจากเก้าอี้รัฐมนตีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็เหมือนเป็นการถอนฟืนออกจากกองไฟ และเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตอบแทนบุญคุณของผู้มีอำนาจเหนือพรรคแกนนำรัฐบาลนั่นเอง

หากไม่ใช่การคิดเองเออเอง แล้วเป็นไปตามที่ทุกฝ่ายมองกัน การไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ของเศรษฐา จึงน่าจะเป็นไปตามที่ทักษิณบอก ไม่น่ามีอะไร ทำอะไรให้ถูกต้อง ไม่เป็นไร ไม่ต้องไปหวั่นไหวมาก “ท่านต้องเตรียมตอบคำถามของท่าน และไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็แล้วแต่ หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ชี้แจง” สอดคล้องกับที่เศรษฐาบอกกับนักข่าวมาตลอด เมื่อมายืนตรงนี้ก็มีหน้าที่ที่จะต้องตอบทุกข้อสงสัย ไม่ว่าจะจากฝ่ายใดก็ตาม โดยเฉพาะการถูกร้องให้ตรวจสอบ

อย่างไรก็ตาม การตอบปมร้อนทางการเมืองของทักษิณเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะปมที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ไม่ว่าเรื่องที่นักวิชาการให้จับตานายใหญ่ที่จะเช็กบิล 40 สว. โดยเจ้าตัวถึงกับร้องโอ๊ะ ก่อนจะบอกว่า ตนจะไปมีสิทธิ์อะไร วันนี้เป็นคนแก่คนหนึ่งที่ให้คำปรึกษารุ่นน้อง ๆ ให้ช่วยกันให้บ้านเมืองเจริญดีกว่า คงไม่มีน้ำยาอะไรหรอก แก่แล้ว ถามว่าใครที่รู้จักอดีตนายกฯ ย่อมรู้ดีว่า เป็นไปตามที่พูดหรือไม่ ไม่ต่างจากคำตอบของคำถามที่ว่า เป้าหมายของการเล่นงานเศรษฐาครั้งนี้อยู่ที่คนชื่อทักษิณ

นายใหญ่พูดว่า “จะเล่นงานผมน่ะหรือ โอ๊ย! ผมไม่มีอะไรให้เล่นแล้วแก่แล้ว ต่างคนต่างอยู่เถอะ” เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ในทางการเมืองเป็นที่รู้กัน หากอีกฝ่ายส่งสัญญาณเช่นนี้ มันคือการบอกให้ระวังตัวไว้ให้ดี โดยเฉพาะพวกที่กำลังจะไร้หัวโขนแห่งอำนาจ จะเห็นได้ว่าคนที่ไหวตัวทันก็ไม่ได้ร่วมขบวนการเล่นงานในครั้งนี้ เพราะมองเห็นแล้วว่า โอกาสที่จะได้หวนคืนสู่อำนาจหรือได้รับการโอบอุ้มจากพวกอำนาจเดิมนั้น ริบหรี่ลงทุกที มีแต่จะถูกตามเช็กบิลแล้วแต่กรรมที่ใครเคยก่อไว้

วงในจากฝ่ายกุมอำนาจมีข่าวมาแล้วว่า ได้มีการไล่ตรวจสอบเบื้องหลังของลิ่วล้อเผด็จการสืบทอดอำนาจที่ทำหน้าที่ในสภาสูง บางรายพบมีความไม่ชอบมาพากลในแง่ของที่มาของรายได้ ทรัพย์สิน และการประกอบกิจการบางอย่าง หลังจากได้ สว.ชุดใหม่แล้ว จะมีการเปิดโปงหรือยื่นร้องตามองค์กรที่เกี่ยวข้อง ผ่านนักร้องหน้าใหม่ที่จะไม่ใช่หว่านตามกระแสเหมือนพวกนักร้องหน้าเดิม เรียกว่าเปิดประเด็นขึ้นมาแต่ละทีต้องหวังผลได้ เป็นประเภทโป้งปิดบัญชี

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตต่อการยื่นร้องเศรษฐาของ 40 สว.ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ที่ว่าอยู่ในช่วงระหว่างรักษาการไม่ควรจะทำเรื่องนี้ เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า แม้ว่าจะใกล้หมดอายุขัยแล้ว แต่ใช่ว่าจะหมดพลังไปเสียทีเดียว อำนาจตามข้อกฎหมายยังคงมีอยู่และใช้ได้ ซึ่งน่าสนใจไม่น้อย หากกระบวนการเลือก สว.ที่กำลังดำเนินอยู่เกิดภาวะสะดุดขึ้นมา อะไรจะเกิดขึ้น อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ มีให้เห็นแล้วจากกรณีที่ศาลปกครองสั่งเพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือก สว.หลายข้อ บอกมาตลอดว่าอะไรก็ตามที่มาพร้อมเผด็จการสืบทอดอำนาจนั้น มันวางใจและไว้ใจไม่ได้

อรชุน

Back to top button