ยังเละไม่พอ?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า แรงขายที่พรั่งพรูออกมาเป็นจำนวนมาก จนดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,318.57 จุด ลบไป 14.17 จุด


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า แรงขายที่พรั่งพรูออกมาเป็นจำนวนมาก จนดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,318.57 จุด ลบไป 14.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.83 หมื่นล้านบาท มันมีลักษณะคล้ายคลึงกับตอนที่โควิดเริ่มระบาดใหม่ ๆ แต่ที่เลวร้ายกว่าคือ ผู้คนต่างหมดความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาล เพราะคนที่มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทยอย่าง “โทนี่” ยังลอยหน้าลอยตาเหมือนไม่รับรู้ว่า ปัญหาเศรษฐกิจกำลังเป็นขวากหนามที่คอยทิ่มแทงตลอดเวลานะจ๊ะ

ประกอบกับขุนคลังคนใหม่ยังไม่ได้เริ่มอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน เลยทำให้ภาพของเศรษฐกิจดูไร้ทิศทางมากขึ้นทุกที “โมนิก้า” ถึงเชื่อว่า การไหลลงของดัชนีในคราวนี้เป็นสัญญาณที่บอกถึงความผิดปกติที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่องนี้ก็ยืนยันด้วย GDP ของประเทศไทยที่โตต่ำสุดในย่านนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาล “เสี่ยนิด” มั่วแต่จมปลักอยู่ในเรื่องเดิม ๆ และละเลยที่จะแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นไงล่ะคะ

วันนี้เลยต้องวิจารณ์รัฐบาลกันแรง ๆ เพื่อให้คนที่รับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจออกมาทำอะไรสักอย่าง เพราะสิ่งที่เห็น ณ เวลานี้ก็คือ ผลงานของบริษัทจดทะเบียนก็ไม่โตเหมือนที่คาดหวัง ผนวกกับค่าเงินบาทอ่อนตัวจนใกล้จะแตะ 37 บาท มันกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีไทยยืนลำบาก และทำให้สงสัยว่า แนวรับสุดท้ายที่บริเวณ 1,300 จุดมีสิทธิ์ที่จะเอาไม่อยู่? นะจะบอกให้

ขนาดหุ้น BANPU ที่หลายคนมองว่า ลงเยอะเหลือเกินไปหรือเปล่า? ก็ยังมีราคาที่ต่ำกว่าให้เห็นเป็นระยะแบบนี้ น่าจะเป็นภาพสะท้อนที่ทำให้รู้ว่า ไม่ควรไปยุ่งกับเผือกร้อนรายนี้ เพราะการยืนปิดที่ระดับ 4.84 บาท ลบไป 0.31 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.69 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการทำโลว์ใหม่เรื่อย ๆ มันชวนให้สงสัยว่า สถานการณ์ตอนนี้แย่ยิ่งกว่าตอนโควิดอีกเหรอ!

ส่วนรายที่เละสุด ๆ และชวนให้สงสัยว่า เงินมีปัญหา? “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น NEX หลังประกาศเพิ่มทุน 4 เท่าตัวในราคาที่ต่ำเรี่ยดินสุด ๆ ซึ่งเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนทิ้งหุ้นหนีตายกันจ้าละหวั่น จนราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 2.02 บาท ลบไป 0.74 บาท หรือลงไป 26.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 871 ล้านบาท และมีประเด็นกำไรไม่มาตามนัดคอยหลอกหลอนแบบนี้..หุ้นมีโอกาสลงไปเท่ากับราคาเพิ่มทุน 1 บาทสูงนะออเจ้า

เมื่อตัวลูกต้องการใช้เงินด้วยวิธีเพิ่มทุน ตัวแม่ที่คอยซัพพอร์ตอย่าง EA เลยตกที่นั่งลำบากไปด้วยเต็ม ๆ เพราะต้องเป็นคนควักเงินหลายพันล้าน เพื่อทำให้ธุรกิจอีวีเดินหน้าต่อไปได้นั้น มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ และทำให้ผู้คนตั้งคำถามต่อว่า ปีนี้กำไรยังเป็นไปตามเป้าไหม? ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนต้องขายหุ้นออกไปก่อน วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมาปิดที่ 20 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 7% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 767 ล้านบาทพะย่ะค่ะ

อีกรายที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังก็คือ LH หลังราคาหุ้นไหลลงเรื่อย ๆ จนสงสัยว่า ราคาหุ้นจะลงไปเท่ากับตอนโควิดที่ระดับ 5.60 บาท ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อเช่นนั้น ผนวกกับวานนี้หุ้นลงมายืนที่ระดับ 6.25 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 627 ล้านบาท เลยทำให้บรรดาแมงลือมีความเชื่อมากขึ้นว่า ราคาหุ้นจะลงไปเท่ากับตอนโควิดจริง ๆ น่ะซี

ส่วนรายที่ “โมนิก้า” ไม่อยากเม้าท์ถึง เพราะราคาหุ้นยับเยินหนักขึ้นทุกวัน คงต้องมองไปที่หุ้น SABUY เพราะราคาหุ้นทำ all time low ไม่หยุดหย่อน และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 0.93 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 9.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 136 ล้านบาท ก็เหมือนเป็นการบอกใบ้ให้หลายคนรู้ว่า ผลงานไตรมาส 2 ก็คงเละเทะอีกตามเคย และคนซีพีก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นกระมัง!..จริงหรือไม่ ก็ต้องดูกันต่อไปจ้า

ไหน ๆ ก็มาด้วยประเด็นร้อนทั้งที “โมนิก้า” ขอตบท้ายด้วยหุ้น MGI หลังโชว์พาวเวอร์ด้วยการดันหุ้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.10 บาท บวกไป 1.90 บาท หรือขึ้นไป 9.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 214 ล้านบาท ถือเป็นเกมหุ้นที่เหมาะสำหรับขาลุยของแทร่ เดี๊ยนเลยไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ฟังมากมาย เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า ก๊วนนี้ใครเป็นเจ้าภาพนะตัวเอง

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button