
สังคมข่าวหุ้น
ดัชนีหุ้นไทยลงมาปิดต่ำกว่า 1,200 จุดอีกครั้ง หลังยืนหนือระดับดังกล่าวมาได้แค่ 5 วันเท่านั้น ทำให้ 1,200 จุด ที่เป็นแนวรับสำคัญพลิกกลับมาเป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาอีกครั้ง
ดัชนีหุ้นไทยลงมาปิดต่ำกว่า 1,200 จุดอีกครั้ง หลังยืนหนือระดับดังกล่าวมาได้แค่ 5 วันเท่านั้น ทำให้ 1,200 จุด ที่เป็นแนวรับสำคัญพลิกกลับมาเป็นแนวต้านเชิงจิตวิทยาอีกครั้ง ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1,172 ล้านบาท ทำให้นับจากต้นปี 2568 จนถึงวานนี้ ต่างชาติขายหุ้นไทยออกไปแล้วกว่า 58,241 ล้านบาท ส่วนความหวังจากเงิน Thai ESGX ไม่น่าจะช่วยได้มากนัก ขณะที่ข้อมูลล่าสุด จากวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยอดเม็ดเงินเข้ามาใน TESGX ประมาณกว่าพันล้านบาทเท่านั้น
บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT แจ้งกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2 (ม.ค.-มี.ค. 2568) ออกมามีกำไรประมาณ 5.20 พันล้านบาท ลดลง 12% จากงวดเดียวกันปีก่อน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ประมาณ 12% แม้กำไรจาก “ธุรกิจการบิน” จะเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยว และเที่ยวบินโตขึ้น แต่รายได้จาก “ธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน” ลดลงถึง 14% ที่สำคัญ AOT บันทึกยอดค้างชำระกว่า 7 พันล้านบาทจากผู้ประกอบการร้านค้าปลอดภาษีเป็นลูกหนี้การค้าไม่หมุนเวียนในงบการเงินของ AOT ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2568 เพิ่มขึ้นจาก 5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ส่วนไตรมาส 3 ถูกคาดว่ากำไรน่าจะปรับลงตามปัจจัยฤดูกาลนั่นแหละ
บมจ.ซีพี ออลล์ CPALL วันก่อนหน้าแจ้งเรื่องซื้อหุ้นคืนในวงเงิน 6,500 ล้านบาท เปิดตลาดขึ้นมา มีการเข้ามาเก็งกำไรกัน แต่พอตกบ่าย ราคากลับถูกเทขายออกมา หลัง MSCI ได้ปรับลดน้ำหนักหุ้นซีพีออลล์ลงมา พร้อมกับอีกหุ้นบิ๊กแคป และมีผล ณ ราคาปิดของวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ทำให้เกิดการเทขายออกมา ส่วนวานนี้ เริ่มมีการเข้ามาไล่ราคากลับอีกครั้ง ปิดบวกได้ 0.75 บาท มาที่ 51.75 บาท ส่วนกรอบราคาน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 51.00-53.00 บาท
ดร.พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQM บอกว่า ไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ ยังคงสามารถเติบโตสวนกับความท้าทายได้อย่างแข็งแกร่ง มีรายได้ที่เติบโตแบบ All Time High ที่ 1,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรสุทธิ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกกลุ่ม พร้อมกับการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขายและการให้บริการอย่างเป็นระบบ
กลุ่มธุรกิจเจมาร์ท (JMART) แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/2568 ที่ 140 ล้านบาท หดตัว 40.42% จากต้นทุนบริษัทย่อยพุ่ง ขณะที่ธุรกิจมือถือยังเติบโต 7% จากสินเชื่อมือถือ Locked Phone ด้าน JMT และ “เจเอเอส แอสเซ็ท” หรือ J ยังไม่ฟื้น ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังกดดัน ส่วน “สุกี้ตี๋น้อย” ยังสร้างกำไรเข้าพอร์ตได้แรงได้รับส่วนแบ่งรอบนี้ 30% คิดเป็นเงินกว่า 79 ล้านบาท ส่วนสิ้นไตรมาสแรก มีหุ้นกู้ครบกำหนดชำระรวม 3,887.2 ล้านบาท โดยได้ชำระคืนชุดแรก 1,500 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว เหลืออีก 2,387 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดในเดือน ต.ค. 2568 ซึ่งเจมาร์ทเตรียมแหล่งเงินทุนไว้แล้ว
บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง ไตรมาสแรกปีนี้ ยังมีรายได้เพิ่มขึ้น 6% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเช่นกันมาที่ 273 ล้านบาท แม้จะเพิ่งมีการปรับค่าผ่านทางขึ้นเมื่อช่วงปลายปี 2567 ขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินที่มีดอกเบี้ย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ DE Ratio อัตรา 0.08 เท่า ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ มีวงเงินทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 2,200 ล้านบาท ล่าสุดปันผลงวดไตรมาสแรก (1 ปี ปันผล 4 ครั้ง) หุ้นละ 0.22 บาท หรือคิดเป็น 96% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานงวด 3 เดือนแรกของปี 2568 เป็นจำนวนเงินกว่า 259.87 ล้านบาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 23 พ.ค.นี้ จ่ายปันผลในวันที่ 9 มิ.ย. 2568 ราคาปัจจุบัน 10.00-10.10 บาท หากไตรมาส 2-4 ยังปันผล 0.22 บาท จะทำให้ยีลด์เฉลี่ยต่อปีสูงถึง 8.9%
คาเฟอีน