
เฆี่ยนลาให้วิ่งเหมือนม้า!
ทุกวันนี้ “โมนิก้า” พยายามหาข้อมูลดี ๆ และเรื่องราวที่น่าสนใจของรัฐบาลมาบอกเล่ากับนักลงทุนเป็นระยะ แต่หาอย่างไร ก็หาไม่เจอสักที
ทุกวันนี้ “โมนิก้า” พยายามหาข้อมูลดี ๆ และเรื่องราวที่น่าสนใจของรัฐบาลมาบอกเล่ากับนักลงทุนเป็นระยะ แต่หาอย่างไร ก็หาไม่เจอสักที แถมสิ่งที่รัฐนาวา “อิ๊ง” ประกาศทำแต่ละอย่าง มันไม่ตรงปกทุกที ส่งผลให้บรรดากองเชียร์หน้าแหกเป็นประจำ ผนวกกับพรรคฝ่ายค้านสีส้มก็เอาข้อมูลมาตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้อีกด้าน จึงทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐนาวาชุดนี้เสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ นะจะบอกให้
โดยเฉพาะประเด็นเรื่องจีดีพีโต 3% ต่อเนื่อง 3 ไตรมาส พร้อมกับประกาศอย่างยิ่งใหญ่อลังการ แต่สุดท้ายกลับโดนขุดไม่มีชิ้นดี และจำนนด้วยหลักฐานว่า สวมสิทธิ์! “โมนิก้า” ขอถามหน่อยเถอะว่า รัฐมนตรีช่วยคลังโกหกสีขาวเพื่ออะไร? เพราะผลลัพธ์ที่ออกมามันไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งนั้น แถมยังโดนชาวบ้านร้านช่องรุมด่ากันดังระงมแบบนี้..หุ้นไทยขึ้นกี่โมงล่ะคะ
ที่น่าสนใจคือ ข้อมูลที่ทุกคนรับรู้เต็มอกตอนนี้คือเศรษฐกิจไทยแย่มาก ๆ ซึ่งเห็นได้จากสตรีทฟู๊ดเจ้าดัง ๆ ยอดขายตกไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่ตลาดนัดย่านต่าง ๆ ก็อยู่ในภาวะเงียบเหงา และที่เลวร้ายสุดในเที่ยวนี้คือ จีดีพีไทยโตรองบ๊วยในอาเซียน (ชนะแค่พม่า) ซึ่งเป็นแรงกดดันที่ทำให้ต่างชาติขายหุ้นไม่เลิก และเป็นแรงกดดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในอาการซึมกระทือเป็นส่วนใหญ่พะย่ะค่ะ
ยิ่งเห็นอาการของดัชนีทำท่าเหมือนจะทะยานฟ้า แต่พอเหลือบดูข้างหลังไม่มีแบ็กอัพอะไรเลย “โมนิก้า” จะไว้ใจการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,176.36 จุด บวกไป 2.99 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.46 หมื่นล้านบาทได้อย่างไร? เพราะเที่ยวก่อนที่ขึ้นไปถึง 1,230 จุด ก็เห็นกันแล้วว่า สุดท้ายเป็นอย่างไร? เดี๊ยนถึงต้องเปรียบเปรยสภาพเศรษฐกิจของไทยเหมือนลาที่เดินอย่างช้า ๆ จะให้วิ่งเร็วเป็นม้าก็คงไม่ได้นะตัวเอง
ขนาดหุ้นโรงหมอที่ใครก็พูดว่าน่าเล่น ยังไม่รอดพ้นแรงขายเลย เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่หุ้น BDMS ลงมากองอยู่ใต้ฐานเก่าบริเวณ 22 บาท พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 21.70 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 1.81% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาทแบบนี้ มันคงไม่เกี่ยวกับพื้นฐานสักเท่าไหร่? เพราะนักวิเคราะห์ทั่วไปยังแนะนำซื้ออยู่เลย แต่แรงขายก็ยังมีออกมาเป็นระลอกเหมือเดิมนะนายจ๋า!
ประเด็นข้างต้นทำให้เดี๊ยนเชื่ออย่างบริสุทธิ์ว่า การร่วงของหุ้นตัวท็อป ๆ น่าจะมาจากความเชื่อมั่นลด ซึ่งเห็นได้จากพ่อค้าแม่ค้าออกมาโวยวายเรื่องขายของไม่ดี เพราะคนทั่วไปไม่ใช้เงินเหมือนเมื่อก่อน และผลดังกล่าวก็กระทบตรงไปยังหุ้นสะดวกซื้อย่าง CPALL แบบเต็ม ๆ ราคาหุ้นถึงทรุดลงมากองอยู่ที่ 47.75 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.26 พันล้านบาท และเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือนที่หุ้นลงมายืนตรงนี้นะจ๊ะ
ในเมื่อหลายอย่างยังไม่แน่นอน ก็ไม่แปลกใจที่หุ้น CCET ถูกรินขายต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน เพราะแรงกดดันที่ทำให้นักเล่นชิ่งหนีกันเป็นแถว ก็มาจากเรื่องราวที่เรา ๆ ท่าน ๆ รับรู้กันมาระยะหนึ่ง “โมนิก้า” เลยอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดของหุ้นที่ระดับ 5.65 บาท ลบไป 0.15 บาท หรือลงไป 2.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 278 ล้านบาท เทียบกับราคาต่ำสุดครั้งก่อนที่หุ้นลงมายืนบริเวณ 4.40 บาท มันทำให้ราคาปิดตรงนี้เสี่ยงไหม?
ส่วนอดีตดาวดังอย่าง STGT บัดนี้กลายสภาพเป็นหุ้นที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป (เพราะเสียรังวัดมาเยอะ) หลังแรงขายยังมีออกมาเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครสนใจงบไตรมาส 1 ออกมาดีขนาดไหนแบบนี้? อีฉันเชื่อเหลือเกินว่า ทั้งหมดมาจากสภาพเศรษฐกิจ และเรื่องเทรดวอร์ที่ทำให้ทุกคนกังวลว่า กำไรต่อจากนี้จะออกมาไม่ดี จึงชิงขายหุ้นออกมาก่อน หุ้นถึงลงมากองอยู่ที่ 6.90 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาทเจ้าค่ะ
โมนิก้า: และทีมงาน