
ตัวเลขส่งออกจริงและหลอก
สำนักนโยบายยุทธศาสตร์และการส่งออก ของกระทรวงพาณิชย์ ออกมายืนยันตัวเลขการส่งออก ของเดือนเมษายนว่าเติบโตเกินกว่า 30%
สำนักนโยบายยุทธศาสตร์และการส่งออก ของกระทรวงพาณิชย์ ออกมายืนยันตัวเลขการส่งออก ของเดือนเมษายนว่าเติบโตเกินกว่า 30% เพื่อยืนยันคำพูดของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ โดยมีสื่อหลายสำนักค่อนแคะว่าตัวเลขดังกล่าว แม้จะเป็นจริง แต่ก็เป็นตัวเลขหลอกลวงเพราะว่าเป็นสถานการณ์ไม่ปกติที่มีการเร่งส่งออกและนำเข้าของประเทศคู่ค้าที่กลัวการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากนี้ตัวเลขส่งออกของไทยจะลดลงฮวบฮาบ
เป็นที่น่าสังเกตว่าการยืนยันตัวเลขส่งออกของไทยจากฟากรัฐบาลนับตั้งแต่เดือนมกราคมนั้นดีเกินคาด โดยอ้างว่าการส่งออกของไทยขยายตัวบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยมีมูลค่า 25,277 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.6 เป็นมูลค่า 862,367 ล้านบาท โดยการส่งออกที่เพิ่มขึ้น มาจากการส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มร้อยละ 0.1 โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มร้อยละ 3 สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ยางพารา ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป อาหารสัตว์ ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มร้อยละ 17
โดยสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ แนวโน้มการส่งออกไตรมาสแรก คาดว่า จะยังขยายตัวเป็นบวก โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่เติบโต เพิ่มขึ้น และมีการส่งออกไปสหรัฐฯ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เตรียมรับมือกับการลดการขาดดุลการค้า เพื่อปรับสมดุลการค้ากับประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ ยังมีการติดตามความเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน พร้อมทั้งวางแผนเจรจาการค้ากับประเทศต่าง ๆ เพื่อรักษาตลาดส่งออกที่สำคัญ และขยายการส่งออกไปยังตลาดใหม่
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอ้างว่า มุ่งมั่นดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่สมดุล ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ซึ่งเหตุผลและข้อมูลที่อ้างก็เป็นเรื่องเดิม ๆ สังเกตได้จากการประกาศตัวเลขและข้อมูลการส่งออกไตรมาสแรกของปีนี้ตรงกับที่รัฐบาลกล่าวไว้เมื่อเดือนมกราคมทั้งสิ้น โดยไม่พูดถึงเรื่องผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่กระทบกับประเทศไทยโดยตรง
นอกจากนี้การเสนองบประมาณแผ่นดินประจำปี 2569 เมื่อวานนี้เป็นจำนวนเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ก็ไม่มีแผนรองรับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และการตั้งเป้าหมายจีดีพีว่าจะเติบโต 3.3% ก็ไม่ได้กล่าวถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแต่อย่างใด
ตัวเลขส่งออกทั้งจริงและหลอกจากฝั่งรัฐบาล ไม่มีความหมายให้ประชาชนฝากผีฝากไข้ได้เลย
วิษณุ โชลิตกุล