
ฝรั่งถล่มแล้ว 7.3 หมื่นล.
วานนี้นักลงทุนต่างประเทศไทยขายหุ้นไทยสุทธิ 203 ล้านบาท ส่วนในช่วง 7 วัน (ทำการ) หรือช่วง 1-9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิ 2,580 ล้านบาท
วานนี้นักลงทุนต่างประเทศไทยขายหุ้นไทยสุทธิ 203 ล้านบาท
ส่วนในช่วง 7 วัน (ทำการ) หรือช่วง 1-9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิ 2,580 ล้านบาท และหากนับจากต้นปีมาจนถึง วันที่ 9 มิ.ย. 68 ต่างชาติขายเบ็ดเสร็จรวม 73,319 ล้านบาท
แม้ก่อนหน้านี้ จะมีการวิเคราะห์ว่า ต่างชาติน่าจะขายหุ้นไทยลดลง เพราะขายมากแล้ว
แต่ตัวเลขที่ออกมาล่าสุดนี้ สะท้อนหรือพอจะเป็นคำตอบเกี่ยวกับหนทางหุ้นไทยว่า โอกาสที่จะพลิกเป็นขาขึ้นนั้น
น่าจะไม่ใช่ระยะเวลาอันใกล้นี้แน่นอน
และหากสถานการณ์ของนักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นไทยแบบนี้
ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสที่ดัชนีอาจจะหลุดระดับ 1,100 จุดได้
โดยก่อนหน้านี้ ดัชนีหุ้นไทยลงไปต่ำสุดในรอบล่าสุดคือ 1,056.41 จุด เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568 ซึ่งเป็นวันที่ทางการสหรัฐฯ ประกาศเกี่ยวกับภาษีทางการค้า จนทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงหนักกันถ้วนหน้า
มีการวิเคราะห์กันว่า ดัชนีที่ระดับ 1,056.41 จุด น่าจะเป็นแนวรับ หรือไม่น่าจะหลุดระดับดังกล่าวแล้วล่ะ
แต่จากสถานการณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนในหลายประเด็น
ทั้งภาษีการค้ากับสหรัฐฯ ที่ยังไม่รู้ว่าระหว่างสหรัฐฯ-จีนจะออกมาอย่างไร แล้วกับไทยด้วยเช่นกัน ปัญหาการเมืองในประเทศไทย เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า จีดีพี เติบโตในระดับต่ำ และยังมีอีกสารพัดปัญหา
แนวรับ 1,056.41 จุด ที่มองกันว่าไม่น่าหลุด
ก็ไม่แน่ คือ “อาจจะหลุดได้”
นอกเหนือจากต่างชาติที่ถล่มขายหุ้นไทยต่อเนื่องแล้ว
ในด้านของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะ “กองทุน” ต่าง ๆ ของประเทศไทยจะพบว่า ยังไม่เห็นมีแห่งไหนเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย มีแต่ไปออกกองทุนเช่น กองทุนหุ้นสหรัฐฯ กองทุนหุ้นจีน ไต้หวัน อินเดีย และอื่น ๆ
สภาพตลาดในตอนนี้ จึงออกมาอย่างที่เห็น
รายย่อยโดนฝรั่งหลอกเข้าซื้อ และตบลง หรือ “ตบจูบ” นั่นแหละ
แต่จะเป็นการ “ตบ” มากกว่า “จูบ”
หุ้นที่ต่างชาติขายออกมา ไม่เว้นแม่แต่ที่บรรดานักวิเคราะห์บอกว่า พื้นฐานดี แนวโน้มผลประกอบการดี ปันผลดี
คือหุ้นเหล่านี้ถูกกระหน่ำขายออกมาแบบต่อเนื่อง แทบไม่เพลามือกันเลย
หุ้น บมจ.ปตท. (PTT) ที่เสมือนเป็น “เสาหลัก” ของตลาดหุ้นไทย ยังถูกตบลงต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามของผู้ดูแลสภาพคล่องที่จะรักษาฐาน (ยื้อ) ไว้บริเวณ 30.00 บาท บวก/ลบ เล็กน้อย
แต่ยังไม่รู้ว่าจะยื้อได้มากแค่ไหน
ซึ่งคงต้องขึ้นอยู่กับ กองทุน (Active Fund) ต่าง ๆ ที่ถือหุ้น ปตท.อยู่ว่า จะช่วยกันประคองอย่างไร
หรืออย่างหุ้นกัลฟ์ฯ GULF ที่พื้นฐานดีทุกด้าน โอกาสทางธุรกิจอยู่ในทิศทางดีมาก ราคาหุ้นยังถูกตบลงได้ นี่ไม่รู้ว่าจะหลุด 40.00 บาทไหม
ส่วนกลุ่มแบงก์ KBANK BBL SCB KTB ที่ก่อนหน้านี้เหมาะต่อการเล่นรอบ
นับจากนี้ไป อาจจะต้องระวังกันมากขึ้น เพราะมีโอกาสที่ราคาจะถูกตบลง ลงมาเล่นในกรอบล่าง อย่าง SCB ที่เคยเล่นในกรอบ 120-125 บาท ถูกดึงมาเล่น 115-120 บาท
และต่อไปอาจจะลงมาเล่นในกรอบ 110-115 บาท ก็ได้
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ และมักจะอยู่นอกเหนือจากการคาดคิด
สังเกตกันไหม สำหรับตลาดหุ้นไทยแล้ว เรื่องอะไรก็ตามที่คนส่วนใหญ่ (ในตลาดทุน) คิดนั้น มักจะไม่เป็นไปตามนั้น หรือจะออกมาสวนทาง คือ อยู่นอกคาดการณ์
เช่นเดียวกับที่มองกันว่าดัชนีหุ้นไทยจะไม่หลุดระดับพันจุดนั้น
มันอาจจะเกิดขึ้นก็ได้
โดยเฉพาะในสภาวะที่ฝรั่งยังถล่มขายหุ้นไทยไม่หยุดแบบนี้
ธนะชัย ณ นคร