พาราสาวะถี

แตกยับชนิดหมอไม่รับเย็บแน่นอนแล้ว สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งปรากฏข่าวคู่ขนานของ จตุพร บุรุษพัฒน์ ไขก๊อกเก้าอี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


แตกยับชนิดหมอไม่รับเย็บแน่นอนแล้ว สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ ยิ่งปรากฏข่าวคู่ขนานของ จตุพร บุรุษพัฒน์ ไขก๊อกเก้าอี้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมยื่นเอกสารตรวจสอบประวัติเตรียมนั่งตำแหน่งรัฐมนตรี ควบหัวหน้าพรรคโอกาสใหม่ มันเหมือนเดจาวูกับการตั้งรัฐบาลแพทองธารก่อนหน้านี้ ที่พรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาลแบบครึ่งบกครึ่งน้ำ พรรคแกนนำเลือกที่จะยกเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับคนในสายของ ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ที่ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ได้รับตำแหน่ง โดยเวลานั้นมีหัวโขนเป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม หนนี้หากจตุพรเข้าป้าย ก็จะเจริญรอยตามแนวทางเดิมที่เคยใช้ นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะไม่ได้ไปต่อ พร้อมกับ สส.ในซีกส่วนที่อยู่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน โดยเพื่อไทยเลือกที่จะฟังเสียงของ 21 สส.รวมไทยสร้างชาติที่ได้ยื่นหนังสือถึง แพทองธาร ชินวัตร ก่อนหน้านั้น แม้นายกฯ หญิงจะบอกว่าเป็นปัญหาภายในให้ไปจัดการกันเอง

แต่มองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สุชาติ ชมกลิ่น เปิดตัวเดินเกมพร้อมแยกตัวจาก รทสช. และจะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคโอกาสใหม่ มันเท่ากับมีการเตรียมการกันไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปตามแนวทางนี้เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เพื่อไทยมีทางเลือกที่จะต่อรองขอคืนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มากขึ้น แต่ อนุทิน ชาญวีรกูล ไม่มีทางยอมง่าย ๆ เป็นแน่ ด้วยความเขี้ยวเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจะยกเอาเรื่องเก้าอี้ สส.มาเป็นตัวชี้วัด

จึงมีการตั้ง จิตรา หมีทอง เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีซึ่งก็คือเสี่ยหนู ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันว่าจิตราก็คือ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุช หรือเลขานุการของ สันติ พร้อมพัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั่นเอง เท่ากับว่าเป็นการประกาศศักดาพรรคสีน้ำเงินมีเสียง สส.เพิ่มมาอีก 6 เสียงจาก สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็คือทีมงานของสันติ

ไม่เพียงเท่านั้น ยังปรากฏภาพสันติพร้อมด้วย อัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ร่วมกินข้าวเย็นกับ ชาดา ไทยเศรษฐ์ แกนนำคนสำคัญของภูมิใจไทย ไม่ใช่ภาพหลุดแต่เป็นภาพที่ตั้งใจส่งสารการันตีว่า พรรคของเสี่ยหนูมีเสียง สส.เพิ่ม อันหมายถึงหากมีการนัดหัวหน้าพรรคหรือแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยเกี่ยวกับการปรับ ครม. แล้วมีการใช้ตัวเลข สส.ในสังกัดของแต่ละพรรคมาเป็นตัวจัดสรรตำแหน่ง พรรคสีน้ำเงินก็มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

เป็นการแก้เกมทางการเมืองที่ทันกัน แต่ด้วยปัจจัยภาคบังคับที่ยังไงเสียสองพรรคแกนนำรัฐบาลสำคัญต้องทำงานร่วมกันต่อไป จึงได้มีการคุยกันนอกรอบ อธิบายให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องขอเก้าอี้ มท.1 คืน ส่วนอีกฝ่ายจะยื่นเงื่อนไขอย่างไร ถ้าไม่มากจนเกินไปอยู่ในวิสัยที่รับกันได้ก็ไม่มีปัญหา เฉพาะหน้านี้ขอแค่ขยับปรับเปลี่ยนเพื่อการันตีเสถียรภาพของลูกสาว และหวังจะสร้างผลงานให้ปรากฏ รวมทั้งวางกลไกเพื่อสนองตอบต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ทักษิณ ชินวัตร ก็จะไม่ออกลูกเขี้ยวเหมือนในอดีต

การจุดพลุ โหมประโคมข่าวว่าด้วยความขัดแย้งภายในรวมไทยสร้างชาติ ก็เพื่อที่จะทำให้สังคมเห็นว่า มีปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่ง จึงจำเป็นต้องปรับ และเกลี่ยโควตากันใหม่ ขณะเดียวกัน น่าสนใจต่อปัญหาของพรรคที่อดีตผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีส่วนร่วมสำคัญในการปลุกปั้นให้เกิดขึ้น มีการรู้เห็นเป็นใจ หรือเกิดจากการได้รับแรงสนับสนุนจากนายทุนใหญ่เพื่อล้มพรรคที่มีกลิ่นไอของอนุรักษนิยมสุดขั้วอย่างเต็มเปี่ยม

เป็นสองสิ่งที่ผสานเข้าด้วยกัน สัมผัสได้จากถ้อยแถลงของ ธนกร วังบุญคงชนะ อีกหนึ่งลูกรักของอดีตผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมลงชื่อส่งจดหมายถึงนายกฯ ขอปรับ ครม.ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยืนยันว่าความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ “ลุงตู่เข้าใจดี” ตีความไม่ต้องซับซ้อน เข้าใจว่าเมื่อการเมืองกลับเข้าสู่วังวนเดิม และได้เดินเครื่องกันโดยวิธีของนักเลือกตั้งเต็มรูปแบบ พรรคที่ตั้งกันขึ้นมาจากการสนับสนุนของเผด็จการสืบทอดอำนาจย่อมมีวันถูกย่อยสลาย

อาจจะเกิดคำถามตามมาแล้วเสี่ยตุ๋ยซึ่งก็ถือเป็นอีกคนหนึ่งที่อดีตผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจให้ความไว้วางใจ จะไม่ให้ความช่วยเหลืออุ้มชูกันเลยอย่างนั้นหรือ นั่นก็ถือเป็นอีกโจทย์ที่ทางฝ่ายผู้มีอำนาจของพรรคแกนนำรัฐบาลต้องเจรจา ถ้าจะให้ไปต่อก็ต้องเปลี่ยนตัวคนเป็นรัฐมนตรี และจะไม่ได้โควตาในกระทรวงเกรดเอเหมือนที่ผ่านมา หากรับเงื่อนไขนี้ได้ก็พร้อมที่จะพิจารณา เพราะนายใหญ่เองก็ไม่อยากจะผลักมิตรไปเป็นศัตรู

ชั้นเชิงของพรรคสีน้ำเงินที่ไม่ธรรมดา และน่าจะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับพรรคแกนนำในการปรับ ครม.หนนี้ ยังมีให้เห็นต่อเนื่องจากกรณีเสี่ยหนูแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม ลงทุนซื้ออาคาร SKYY9 ในราคา 7 พันล้านบาท โดยมี อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน ล่าสุด คณะกรรมการได้จัดทำรายงานผลตรวจสอบเสร็จสิ้น มีข้อสรุปเห็นว่า มูลค่าตลาดของอาคาร SKYY9 ในขณะที่ทำการซื้อขายควรมีค่าในช่วงประมาณ 3,428,000,000-3,863,000,000 บาท

โดยอนุทินในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแลได้เขียนคำสั่งด้วยลายมือ แจ้งให้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อทราบและให้ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผลที่ออกมาช่วงนี้ชัดเจนว่าพุ่งเป้ากระแทกไปที่สุชาติในฐานะอดีต รมว.แรงงาน นั่นย่อมส่งผลต่อความเคลื่อนไหวทั้งหมดที่เกิดขึ้น สูตรปรับ ครม.กับรวมไทยสร้างชาติอาจมีการเปลี่ยนแปลง หรือเดินตามรูปเกมที่วางไว้โดยต้องให้มีคนรับบทเสียสละเหมือนที่ธรรมนัสทำอยู่ ที่แน่ ๆ อาการแบบนี้ก็เป็นภาพมุมกลับว่า เก้าอี้ มท.1 พรรคสีน้ำเงินคงต้องจำใจคืนให้เพื่อไทยแม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ก็ตาม

อรชุน

Back to top button