
BCH ครึ่งปีหลังแกร่ง…กำไรออลไทม์ไฮ
กลายเป็นสตอรี่เชิงบวกหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีพอร์ตลูกค้าประกันสังคม เมื่อ สปส. มีมติต่ออายุอัตราเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง
คุณค่าบริษัท
กลายเป็นสตอรี่เชิงบวกของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีพอร์ตลูกค้าประกันสังคม เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้มีมติต่ออายุอัตราเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Adj RW มากกว่า 2) เป็นจำนวน 12,000 บาทต่อราย ไปอีก 6 เดือน ส่งผลให้ทั้งปี 2568 มีอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง 12,000 บาทต่อรายตลอดทั้งปี
แน่นอนว่า บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ในฐานะผู้ให้บริการรักษาสิทธิ์ประกันสังคมสูงสุดมากกว่า 1.03 ล้านราย ก็จะได้ประโยชน์มากสุด
นอกจากมีปัจจัยดังกล่าวหนุนการเติบโตในปีนี้แล้ว ยังถูกมองว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 และไตรมาส 3/2568 จะเติบโตโดดเด่น รับปัจจัยหนุนจากฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติ ทำให้โรคประจำฤดู เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก หนุนผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) มีจำนวนเพิ่มขึ้น ประกอบกับมีโรคโควิดระบาด ส่งผลให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัว (OPD) เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ในไตรมาส 3/2568 จะเป็นไตรมาสที่ทำจุดสูงสุด เนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล และผู้ป่วยตะวันออกกลางกลับมาใช้บริการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือ BCH เป็นปกติ
ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 รายงานกำไรสุทธิ 321.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 318.9 ล้านบาท และมีรายได้กิจการโรงพยาบาล 2,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากกิจการโรงพยาบาล 2,844.4 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ผู้ป่วยทั่วไป 1,895.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9% และรายได้ผู้ป่วยในโครงการประกันสังคม 1,010.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7%
บล.เคจีไอ ระบุว่า หลังจากที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 ออกมาน่าพอใจ โดยกำไรเพิ่มขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อน คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2568 น่าจะดีต่อเนื่อง และจะน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นอีกในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่ากำไรของ BCH จะเพิ่มขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนในไตรมาส 2/2568 และ จะขึ้นไปสูงสุดในไตรมาส 3/2568
ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ 1.58 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% และปี 2569 ไว้ที่ 1.89 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.5% โดยยังคงเลือก BCH เป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้
ด้าน บล.เอเอสแอล คาดแนวโน้มในไตรมาส 2/2568 กำไรมีโอกาสเติบโตได้ดีจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะยังได้รับผลกระทบโลว์ซีซั่น จากวันหยุดที่เยอะ เนื่องจากผ่านช่วงรอมฎอนไปแล้ว ด้านสภาพอากาศมีฝนตกเยอะ มีการระบาดของโควิด และรายได้ MOU โรคหัวใจ และหลอดเลือดเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาส 1/2568
สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง แนวโน้มยังคงเติบโตได้ดี โดยมองโมเมนตัมการเติบโตยังเพิ่มขึ้นทั้งจากผู้ป่วยชาวไทย และต่างชาติ ทั้งจากการเพิ่มศูนย์แพทย์ การรีแบรนด์ และการเพิ่มการรับรองมาตรฐานโรงพยาบาลในเครือ คงคาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิที่ 12,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และ 1,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% สำหรับช่วงไตรมาส 1/2568 รายได้และกำไรสุทธิคิดเป็น 22.7% และ 22.7% ของประมาณการทั้งปี
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น BCH ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 25.43 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 15.13 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 2.46 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.05 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 18.49 บาท จากราคาต่ำสุด 15.70 บาท และราคาสูงสุด 21.70 บาท