สังคมข่าวหุ้น

ดัชนีหุ้นไทยพุ่งแรงอีก 1 วัน ปิดบวกถึง 40.48 จุด มาที่ 1,198.11 จุด ไม่ผ่านแนวต้านจิตวิทยา 1,200 จุด แต่ที่น่าสนใจคือ ดัชนีที่ขึ้นมาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายกว่า 63,374 ล้านบาท


ดัชนีหุ้นไทยพุ่งแรงอีก 1 วัน ปิดบวกถึง 40.48 จุด มาที่ 1,198.11 จุด ไม่ผ่านแนวต้านจิตวิทยา 1,200 จุด แต่ที่น่าสนใจคือ ดัชนีที่ขึ้นมาพร้อมกับมูลค่าการซื้อขายกว่า 63,374 ล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณดีที่อาจจะสะท้อนว่าใกล้เริ่มเข้าสู่ภาวะ “กระทิง” (หรือเปล่า) ส่วนปัจจัยหนุนนั้น อาจจะมาจากนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศ และต่างชาติ เห็นสัญญาณบวกอะไรบางอย่างจึงระดมเข้ามาเก็บหุ้นกันสนุกสนาน

ยังมีประเด็นน่าสนใจเพิ่มเติมคือ หากจำกันได้ ดัชนีที่ขึ้นมารอบก่อนหน้านี้มีกลุ่มกัลฟ์ ที่ประกอบด้วย GULF ADVANC และ เดลต้าฯ DELTA ช่วยกันพาดัชนีขึ้นมา ส่วนรอบล่าสุด หรือครั้งนี้ แม้จะเป็นกลุ่มกัลฟ์ ที่นำโดย GULF กับ เดลต้าฯ ที่พาดัชนีขึ้นมา แต่ยังมี บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT เข้ามาช่วยดันดัชนีอีกด้วยเช่นกัน รวมถึง ซีพี ออลล์ CPALL, ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC และ บมจ. ปตท. หรือ PTT ด้วย

สิ่งที่ต้องระวังคือ “แรงขายทำกำไร” ทั้ง AOT GULF DELTA โดยเฉพาะในช่วงที่ภาษีทรัมป์ต่อประเทศ หากประกาศใหม่แล้วลดลงจากระดับ 36% ซึ่งล่าสุดมีการคำนวณกันว่า ตัวเลขอาจจะอยู่ระหว่าง 18-23% +/- เล็กน้อย ซึ่งเชื่อว่า หากตัวเลขอยู่ประมาณนี้ ตลาดน่าจะเกิด sell on fact ดังนั้น จึงใม่ควรตามหุ้นที่ราคาขึ้นมาสูง ไม่เช่นนั้น มีโอกาส “ติดดอย” แน่ ๆ หรือหากจะเข้าจริง ๆ ให้เลือกหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง ๆ หน่อย 6-7% ซึ่งมีอยู่ค่อนข้างเยอะ เพราะอย่างน้อยหากพลาด ก็ยังมีปันผลเป็น “เบาะ” รองรับได้

ราคาหุ้นกัลฟ์ฯ มีนักลงทุนถามว่า แนวต้านอยู่ตรงไหน เมื่อดูสัญญาณทางเทคนิค ระดับจิตวิทยาคือ 45.00 บาท พอดี ซึ่งวานนี้ปิดที่ระดับดังกล่าว หวกวันนี้ราคาหุ้นไปต่อ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 47.00 บาท หรือกลัวว่าจะติดดอย ก็ให้ลงมารอที่แนวรับ 44.50 บาท หรือต่ำกว่านี้เล็กน้อยพอได้ แต่ลึก ๆ แล้ว ค่อนข้างมั่นใจว่าในระยะปานกลางหรือช่วง 12 เดือนข้างหน้า ราคาหุ้นกัลฟ์ฯ น่าจะผ่าน 47.00 บาทได้อย่างไม่ยากเย็น

เรื่องของผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. คนใหม่ ที่บอกว่า นำเข้า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาไม่ทันนั้น ฟังดูแล้วทะแม่ง ๆ เพราะจากประสบการณ์เรื่องแบบนี้นี่นะ มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น “เชื่อสิ”! ส่วนเรื่องนี้ เดิมนั้นชื่อของ ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าแบงก์ชาติมาแรงมาก แต่ต่อมาชื่อของ “วิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการแบงก์ออมสิน มาแรงกว่า และน่าจะเช้า “วิน” ส่วนใครจะเข้าวินแน่ ๆ นั้น ต้องมาลุ้นกันในวันอังคารหน้า หรือ 22 ก.ค.นี้กัน “งานนี้ไม่จบง่าย ๆ” หุ หุ….

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะลดน้ำหนักตลาดพันธบัตรรัฐบาลประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักหุ้นยุโรป สินทรัพย์ทางเลือกนอกตลาด โดยเฉพาะทองคำแนะนำเพิ่ม 5-10% ในพอร์ต คาดเป้าหมายที่ 3,765 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในไตรมาส 4/2568 ส่วนดัชนีหุ้นไทยตั้งเป้า 1,300 จุด และจีดีพีโต 1.8% ถ้าสามารถเจรจาภาษีได้ 18-20% เท่าภูมิภาค พร้อมคาดว่าคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ และอีก 1 ครั้งในปี 2569

วันนี้ บัตรกรุงไทย หรือ เคทีซี จะแจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 ออกมา หากอ้างอิงจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่าง ๆ มองกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.966 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8-4.0% ส่วนตัวเลขหนี้เสีย เพิ่มเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย (ไม่น่าเกิน 2%) เช่นเดียวกับการตั้งสำรองหนี้ไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยฯ อะไรมากนัก Coverage Ratio ยังอยู่ระดับสูง 360-380% แข็งแกร่งมาก ส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้ จะอยู่ประมาณ 7.5 พันล้านบาท บวก/ลบ เล็กน้อย และยังคงทำสถิติสูงสุด หรือนิวไฮได้ต่อไปอีก ส่วนราคาหุ้นรอลุ้นจะผ่าน 28.00 บาทได้หรือไม่

คาเฟอีน

Back to top button