
กฎหมาย 3 ฉบับกับรถไฟ 20 บาท
เริ่มวันที่ 1 ต.ค. 68 ดีเดย์ “รถไฟฟ้า 20 บาททุกสีทุกสาย” ครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลจำนวน 8 สาย
เริ่มวันที่ 1 ต.ค. 68 ดีเดย์ “รถไฟฟ้า 20 บาททุกสีทุกสาย” ครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑลจำนวน 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ทั้งสิ้น 194 สถานี ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร
หลังเปิดลงทะเบียน 25 ส.ค. 68 ให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมทยอยลงทะเบียนรับสิทธิอย่างเท่าเทียม และการลงทะเบียนไม่มีวันหมดอายุ เพื่อรองรับการใช้นโยบายดังกล่าว
รถไฟฟ้า 20 บาททุกสีทุกสายระยะแรก (เฟสแรก) จะใช้รูปแบบบัตร Rabbit Card สามารถใช้บริการได้ 4 สาย คือ สายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ตามเงื่อนไขธนาคารที่เข้าร่วมให้บริการที่กำหนด สามารถใช้บริการได้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)
ส่วนผู้เดินทางรถไฟฟ้าข้ามสาย ต้องถือบัตร 2 ใบ แต่ชำระค่าโดยสารเพียง 20 บาทตลอดสาย
สำหรับระยะที่สอง จะมีการนำเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสม เข้ามาใช้พัฒนาระบบ อาทิ การสแกนจ่ายค่าโดยสาร ด้วย QR CODE เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น
กรณีการชดเชยรายได้แก่เอกชนผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้า จากมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มีการหารือกันระหว่างกระทรวงคมนาคม, กรุงเทพมหานคร (กทม.) และเอกชนผู้รับสัมปทานทุกสายทางแล้วว่า ฝ่ายรัฐจะชดเชยรายได้ที่หายแบบ 100% (ตามจริง) ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบสายทางเดียวหรือเดินทางข้ามสายทาง
หากเป็นการเดินทางข้ามสายทาง เช่น สายสีน้ำเงิน ข้ามไปสายสีเขียว จะมีการชดเชยรายได้ให้ทั้ง 2 สายทางแบบ 100% ตามจริง..!!
ส่วนเงินชดเชยจะมาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่มีเงินจากค่าสัมปทานนรวม 16,000 ล้านบาท ที่ชดเชยได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น..!!
แต่ว่าระยะยาวหรือแบบถาวรจะมาจาก “กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน” ที่รัฐมีนโยบายจัดตั้งขึ้นมาเพื่อซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าจากเอกชน (เวนคืนสัมปทาน) ทั้งหมด นำมาบริหารจัดการรายได้เองและเก็บค่าโดยสาร 20 บาททุกสีทุกสาย
ส่วนอีกทางมาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) ที่จะเป็นหนึ่งรายได้หลัก เพื่อใช้เป็นเงินชดเชย รถไฟ 20 บาททุกสีทุกสายดังกล่าว
แต่ฝันนี้จะเป็นจริงหรือไม่..ขึ้นอยู่กับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ
เริ่มจากการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) (ฉบับที่..) พ.ศ..ที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 และผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเมื่อ 31 พ.ค. 2568 ปัจจุบันอยู่ในขั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาฯ หากแล้วเสร็จ จะนำเสนอที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป
ตามมาด้วยร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ…..ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2568 มีมติเอกฉันท์รับหลักการ ต่อมาเมื่อ 23 เม.ย. 2568 กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัด การระบบตั๋วร่วม พ.ศ….ประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นการรับรองรายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการแล้ว ทำให้กฎหมายฉบับนี้จะกลับเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในวาระ 2-3 ภายหลังเปิดสมัยประชุมเดือนก.ค.ก่อนที่จะมีการพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป
สุดท้ายร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ….โดยวันที่ 8 ต.ค. 2567 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอผ่านการพิจารณาจากสภาฯ แล้ว และผ่านชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแล้ว เมื่อการประชุมครั้งที่ 15 เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2568
ล่าสุดรอเสนอสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระ 2 และวาระ 3 และเมื่อการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเสร็จสิ้น จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของวุฒิสภาทั้ง 3 วาระ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยคาดว่าพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ…จะประกาศใช้ช่วงปลายปี 2568
ดูจากไทม์ไลท์กฎหมาย 3 ฉบับ ถือว่าพอมีความหวัง แต่หากสภาผู้แทนราษฎร มีอันเป็นไปซะก่อน คงต้องฝันค้างกันไปทั้งบางแน่นอน…!!!??