
พาราสาวะถี
ดูเหมือนจะเป็นปัญหา แต่เชื่อและฟันธงได้ว่าไม่มีปัญหา กับปม ปัญญา อุดชาชน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ดูเหมือนจะเป็นปัญหา แต่เชื่อและฟันธงได้ว่าไม่มีปัญหา กับปม ปัญญา อุดชาชน ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง และได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง สราวุธ ทรงศิวิไล เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแทน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป อันเป็นช่วงเวลาที่ตรงกับการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดให้ แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรีกรณีคลิปเสียงคุยกับฮุน เซน
เหตุที่เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะจะมีคำอธิบายจากศาลรัฐธรรมนูญว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่พ้นจากวาระแล้ว ถ้าหากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์จะถือยังไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดี ตรงนี้เป็นประเด็น สถานะที่ยังไม่สมบูรณ์ของตุลาการคนใหม่ จึงไม่สามารถเข้าร่วมกระบวนการพิจารณาวินิจฉัยคดีได้ แต่คำถามที่ตามมาคือ ตุลาการที่พ้นจากตำแหน่งแล้วระหว่างรอตุลาการคนใหม่ ควรจะเข้าร่วมการพิจารณาหรือไม่ โดยหลักการคงอธิบายกันได้ แม้จะมีคำถามเรื่องความโปร่งใสก็ตาม
อย่างที่บอกนิติสงคราม ที่มีรากเหง้ามาจากตุลาการภิวัฒน์ อันมีสารตั้งต้นมาจากการปลุกระดมเรื่ององค์กรอิสระจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ถูกแทรกแซง หลังรัฐประหารสองครั้ง เกิดการสถาปนา จัดกระบวนทัพกันใหม่ศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นองค์กรอิสระจากที่เคยวิพากษ์วิจารณ์ได้ ก็กลายเป็นองค์กรศักดิ์สิทธิ์ห้ามแตะต้อง มันจึงมาพร้อมกับข้อกังขาจากสังคม ศรัทธา ความเชื่อมั่นหดหาย แทบจะเรียกได้ว่าต่างกันลิบลับกับกระบวนการยุติธรรมปกติ กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันรอฟังว่าจะมีคำชี้แจงแบบสื่อสารทางเดียวอย่างไร
ขณะที่สถานการณ์ร้อน ว่าด้วยการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ภายในกำมือของพรรคประชาชน ประชุมกันไปหนแรกยังหาข้อสรุปไม่ได้ มีทั้งเสียงที่ให้หนุน ชัยเกษม นิติสิริ จากเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย และ ไม่โหวตเลือกทั้งสองคน จนต้องนัดประชุมกันอีกรอบ เมื่อพิจารณาความโน้มเอียงของเสียงที่จะโหวตแล้ว สุดท้ายพรรคสีส้มเลือกจะหนุนพรรคสีน้ำเงิน เนื่องจากมีหลายมิติที่ต้องตัดสินใจ แต่โดยรวมเพื่อประโยชน์ของพรรคและคนของพรรคเป็นที่ตั้ง
ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดว่า พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันยกเว้นแพทองธาร แม้คนที่เป็นรัฐมนตรีจะยังคงมีฐานะรักษาการจนกว่าจะได้ ครม.ชุดใหม่ แต่เพื่อไทยไม่สามารถที่จะต่อกันติดกับบางพรรคที่แสดงตัวชัดเจนไปสนับสนุนอนุทินเรียบร้อยแล้ว จึงอยู่ในสถานะที่ต้องรอคำตอบจากพรรคสีส้มเพียงอย่างเดียว ไพ่ที่ถือในมือว่าด้วยยุบสภาคงได้แต่ยกมือขู่ ท้ายที่สุดก็ไม่กล้าทำ เนื่องจากไม่มีใครการันตีได้ว่ายุบไปแล้ว จะเกิดปัญหาทางข้อกฎหมายตามมาหรือไม่ จากที่ตายเดี่ยวไปก่อนหน้า อาจจะซวยกันทั้งโขยงยุ่งกันไปใหญ่
ดังนั้น สิ่งที่เพื่อไทยควรทำคือรับเงื่อนไขจากพรรคประชาชนมาแล้ว ยืนยันคำตอบ แล้วรอผลการตัดสินใจ ออกมาแบบไหนก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้น จะไปเป็นฝ่ายค้านก็ไม่มีปัญหา เพราะมีการประเมินกันภายในพรรคแล้วว่า หากพรรคสีส้มเลือกที่จะไปหนุนพรรคสีน้ำเงิน ที่ปรากฎภาพว่า ดูดเสียงจากพรรคต่าง ๆ เพื่อทำให้ตัวเองสมหวัง โดยไม่ต้องอธิบายว่าใช้วิธีการใด ซึ่งแกนนำพรรคฝ่ายค้านก็มีประสบการณ์ตรงจากการโดนดูดมาแล้ว นั่นจึงเป็นอีกปัจจัยที่บรรดาผู้นำพรรคต้องวิเคราะห์ให้ขาด จะกระทบต่อความเชื่อมั่นจากฐานกองเชียร์หรือไม่
ความสำคัญของการตัดสินใจเที่ยวนี้ไม่ได้มีแค่ว่า จะถูกใจผู้สนับสนุนพรรคหรือไม่เท่านั้น หากแต่บนข้อตกลงที่ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนได้ทำไว้กับเสี่ยหนูเพื่อสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล หรือ MOA นั้น มีสาระสำคัญคือ การดำรงสถานะของการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์เดิมที่พรรคสีน้ำเงินได้ให้คำมั่นกับพรรคส้ม นั่นหมายความว่า ด้วยสถานะนี้พรรคฝ่ายค้านไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนที่ผ่านมา เพราะจะต้องช่วยประคองค้ำยันเสถียรภาพให้รัฐบาล และเป็นองค์ประชุมให้ทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความเรียบร้อยด้วย
พูดง่าย ๆ เมื่อตัดสินใจที่จะหนุนแล้ว ก็ต้องมีส่วนช่วยรับผิดชอบด้วย มิหนำซ้ำ ยังต้องไปวัดใจด้วยว่า เมื่อถึงเวลาที่ตกลงกันไว้ จะเกิดการยุบสภาหรือไม่ อันนี้ต้องลุ้นกัน ส่วนที่เคยมองกันว่าหลังแถลงนโยบายมีระยะเวลาแค่ 4 เดือนในการบริหารประเทศ มันจะคุ้มค่ากับการลงทุนมหาศาลครั้งนี้ของเสี่ยหนูและชาวคณะพรรคสีน้ำเงินหรือไม่ เหมือนที่ ธงทอง จันทรางศุ บอกไว้ หากยุบสภาตามข้อตกลงจริง ยังมีขั้นตอนตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ รัฐบาลใหม่อยู่ในอำนาจบริหารประเทศไปอีกอย่างน้อย 9 เดือน
เงื่อนเวลาเท่านี้เพียงพอต่อเป้าหมายของพรรคแกนนำรัฐบาลในการจะเข้าไปจัดการปัญหาที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับตัวเองและพวกพ้อง 2 เรื่องสำคัญ ที่ดินเขากระโดงและคดีฮั้วเลือกสว. ส่วนพรรคสีส้มหากมองถึงอานิสงส์ที่จะได้รับ คงคาดหวังว่าคดี 44 สส.ในมือ ป.ป.ช.น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อสนับสนุนพรรคสายอนุรักษ์นิยมขนานแท้และดั้งเดิม อะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ น่าจะเกิดปาฏิหาริย์บ้าง ประเด็นแบบนี้จะบอกให้คนไม่คิดคงไม่ได้
สำหรับเพื่อไทย ไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้อีกแล้ว ลุ้นคดีชั้น 14 ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 9 กันยายนนี้ ก่อนว่าจะออกหัวออกก้อย รอดหรือไม่รอดแทบจะไม่มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะหากออกลูกที่ว่า พรรคส้มไปผสมพันธุ์เทียมกับพรรคน้ำเงิน ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าอนาคตสถานการณ์ทางการเมือง หรือเหตุการณ์อะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ จากที่คิดว่าเสียเปรียบมองเห็นรูปรอยคล้ายการถดถอยของพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะมีโอกาสที่เป็นไปในทางตรงข้ามก็ได้ การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน
อรชุน