AMATAV ขายเพื่อสร้าง.!

กลิ่นควันของข่าว บมจ.อมตะ วีเอ็น หรือ AMATAV ซึ่งเป็นลูกในไส้ของ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน หรือ AMATA แจ้งเรื่องการขายสินทรัพย์ในประเทศเวียดนาม


กลิ่นควันของข่าวบริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV ซึ่งเป็นลูกในไส้ของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA แจ้งเรื่องการขายสินทรัพย์ในประเทศเวียดนาม นั่นคือ การขายหุ้น 2 บริษัทลูก ได้แก่ Amata Service City Long Thanh 1 Company Limited (ASCLT1) และ Amata Service City Long Thanh 2 Company Limited (ASCLT2) ในสัดส่วน 51% ของแต่ละบริษัท ให้กับพันธมิตรอย่าง Nova Rivergate Company Limited และ Nharong Investment and Commercial Joint Stock Company ได้เงินเข้ากระเป๋า 46.14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่ากับ 1,502 ล้านบาท ยังไม่ทันจางหาย…

นักลงทุนกำลังยืนงง ๆ อยู่ว่าจะลงทุนในหุ้น AMATAV ดีมั้ย..?? จะซื้อหุ้นเพิ่มอ๊ะป่าว..?? จะถือยาวหรือแค่เก็งกำไร..?? ในขณะที่นักวิเคราะห์ก็กำลังดีดลูกคิดกันขะมักเขม้นว่า AMATAV จะมีกำไรจากการขาย 2 บริษัทลูกในครั้งนี้เท่าไหร่..?? 

เบื้องต้น บล.กรุงศรีคาดว่า AMATAV จะรับรู้กำไรหลังหักภาษีประมาณ 800-1,100 ล้านบาท…

จู่ ๆ ถัดมาอีกวัน AMATAV ก็ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ในเวียดนาม ด้วยการทุ่มงบลงทุน 4,500 ล้านบาท พัฒนาโครงการ “อมตะซิตี้ ฟู้เถาะ – หุ่ม คิง อินดัสเทรียล พาร์ค” ซึ่งมีการลงนาม MOU กับทางการเวียดนามไปตั้งแต่เดือน พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าการพัฒนาเฟสแรกครอบคลุมพื้นที่ราว 1,875-3,125 ไร่ เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไฮเทคยุคใหม่

เอ๊ะยังไง ๆ ขาย 2 บริษัทลูกในเวียดนาม แล้วอีกวันมาประกาศการลงทุนในเวียดนามละเนี่ย..??

แวบแรกอาจดูงง ๆ แต่ไม่มีอะไรในกอไผ่จริง ๆ เพราะถ้าย้อนไปดูข่าวสารที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 1 ก.ย. 2568 ก็ระบุชัดว่า “การขายหุ้นทั้งหมดของ ASCLT1 และ ASCLT2 เนื่องจาก Nova Rivergate Company Limited และ Nharong Investment and Commercial Joint Stock Company มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในประเทศเวียดนาม และเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการร่วมดำเนินงาน จึงเป็นโอกาสสำคัญในการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเพิ่มสภาพคล่อง และแผนระยะยาวของกลุ่มบริษัท”

เป็นการขาย 2  บริษัทย่อยที่ถือครองที่ดินสำหรับพัฒนาเชิงพาณิชย์ขนาด 107 เฮกตาร์ หรือราว 669 ไร่ ซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักที่ AMATAV ให้ความสำคัญในตอนนี้ เพื่อหันมาโฟกัสสิ่งที่ตัวเองถนัดมากกว่า นั่นคือการพัฒนานิคมอุสาหกรรมแหละ

หรือจะบอกว่าเป็นการขาย…เพื่อสร้างก็คงไม่ผิดกระไร..!!

ก็น่าสนใจนะ…เพราะอย่างน้อย ๆ การลงทุนสร้างนิคมฯ แห่งใหม่ของ AMATAV ก็มีเงินขวัญถุงเตรียมไว้แล้ว 1,502 ล้านบาท ทำให้ภาระการกู้ลดลงทันที…

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่าประเทศเวียดนามกำลังเนื้อหอม กลายเป็นหมุดหมายของนักลงทุนทั่วโลก สะท้อนได้จากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 10 ปีมานี้ จนทะลุ 25,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 ขณะที่ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 เวียดนามสามารถดึงดูดเม็ดเงิน FDI ได้ถึง 24,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก หาก AMATAV ซึ่งเข้าไปคลุกคลีตีโมง…อุ้ย เข้าลงทุนในประเทศเวียดนามมากว่า 30 ปีแล้ว จะไขว่คว้าโอกาสดังกล่าว ด้วยการลงทุนสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในประเทศเวียดนาม เพื่อรองรับเม็ดเงินลงทุนที่จะหลั่งไหลเข้ามาในเวียดนาม

ก็ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ AMATAV ส่วนถามว่าจะช่วยหนุนการเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน..??

ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แหละ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button