พาราสาวะถี

รายชื่อครม.หนู 1 ของรัฐบาล 4 เดือน อนุทิน ชาญวีรกูล เดินทางเข้าทำเนียบฯ เมื่อวาน (16 ก.ย.) ตรวจสอบคุณสมบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


รายชื่อครม.หนู 1 ของรัฐบาล 4 เดือน อนุทิน ชาญวีรกูล เดินทางเข้าทำเนียบฯ เมื่อวาน (16 ก.ย.) ตรวจสอบคุณสมบัติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยักหน้าแทนคำตอบที่นักข่าวถามจะ นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ในเย็นวันเดียวกันนี้ รอดูโฉมหน้ากันว่าจะเป็นไปตามที่คาดหมายกันไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ ทั้งนี้ ก่อนที่จะปิดจบ พบว่ามีปัญหาสำหรับบางรายชื่อที่พรรคร่วมเสนอเข้ามา เป็นธรรมดาเพราะบางคนที่ปรากฏชื่อตามข่าวของบางพรรคร่วม ขืนดันทุรังตั้งเข้าไปรับตำแหน่ง อาจกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถูกร้องตกเก้าอี้กันง่าย ๆ

จะจัดสรรปันส่วนให้เป็นที่พอใจในฝ่ายการเมืองกันอย่างไรก็ให้คำนึงถึงหน้าตาของรัฐมนตรีคนนอกที่ดึงเข้ามาร่วมรัฐบาลด้วย อุตส่าห์ใช้ต้นทุนของแต่ละคนมาช่วยแบกรัฐบาลอายุสั้น (ถ้าทำตามสัญญา) จะให้มาตกม้าตายด้วยปัญหาคุณสมบัติเฉพาะบุคคลของนักเลือกตั้งบางรายมันคงไม่ยุติธรรม มากไปกว่านั้น สิ่งที่เสี่ยหนูต้องนึกถึงมากที่สุดคือ พลังที่สนับสนุน จริงอยู่ทุกพรรคที่มาร่วมล้วนเกรงขามกันทั้งสิ้น แต่สันดานนักการเมือง อะไรที่ขึ้นชื่อว่าผลประโยชน์ย่อมเรียกร้องต่อรองเอาไว้ก่อน

มาถึงตรงนี้ มี บางพรรคที่จำเป็นต้องยอมจับคนที่คุณสมบัติมีปัญหาออกไปก่อน แล้วให้ส่งตัวแทนที่คิดว่าไม่มีบาดแผลมาทำหน้าที่แทน ฝ่ายแกนนำไม่ได้เกี่ยงว่าจะเป็นญาติโกโหติกากันแบบไหน ขอแค่ไม่ถูกจับจ้องร้องเรียนเป็นใช้ได้ หลังจากประกาศนโยบายเร่งด่วน 4 ด้านของอนุทินไปแล้ว มีการเตรียมการเนื้อหาเพื่อแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไว้เสร็จสรรพ จะมาชักช้าจากเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ยิ่งยึกยักยืดเยื้อ รังแต่จะทำให้ประชาชนเริ่มสงสัย จนกลายเป็นความไม่ไว้วางใจ ไปเสียฉิบ

ความเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยข้อดีคือ มีเก้าอี้รัฐมนตรีที่สามารถจัดสรรให้คนนอกในตำแหน่งที่จะเป็นหน้าตา สร้างผลงานให้กับรัฐบาลได้เต็มที่ แต่จุดอ่อนเป็นเรื่องของตำแหน่งที่มีมากขึ้นในส่วนของพรรคการเมืองที่ต้องแบ่งปัน มันทำให้พรรคที่มีพลังต่อรองร้องขอมากกว่าที่ควรจะได้ เป็นไปอย่างที่บอกไว้ ในฐานะที่เคยผ่านการมีอำนาจต่อรองสูง มาครั้งนี้ภูมิใจไทยก็ตกอยู่ในจุดที่เคยทำไว้กับพรรคการเมืองอื่น ดีที่ว่ามีผนังทองแดงกำแพงเหล็กคอยค้ำยัน ทำให้แกนนำทั้งหลายไม่กล้าเรียกร้องมาก เอาแค่พอหอมปากหอมคอ

รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจภาพลักษณ์สวยงามรัฐมนตรีด้านความมั่นคงและการปกครองพอไปวัดไปวาได้ อยู่ในข่ายเป็นที่พึงพอใจของข้าราชการที่จะเป็นผู้ปฏิบัติ แต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม น่าจะเป็นจุดที่ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด อันเนื่องมาจากคดีฮั้วเลือก สว. ตรงนี้ถือมีความสำคัญ หากทุกอย่างที่ทำไว้ชี้ชัดว่ามีความผิด มันจะทำให้การเมืองล้มกันทั้งกระดาน ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินคดีมีชนักปักหลัง สะเทือนไปถึงเรื่องการเว้นวรรคยาว ๆ กันเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้จึงมีข้อแนะนำไปยังนายกฯ หนู หากต้องการให้ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่กลับมาสร้างปัญหาให้กับตัวเองและรัฐบาล ควรใช้บริการคนที่ไม่มีภาพเชื่อมโยงกับบุรีรัมย์คอนเน็คชั่นจะดีกว่า ความจริงมากันได้ถึงขนาดนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาห่วงเรื่องของคดีความทั้งหลายที่พันอยู่รอบตัว ไม่จำเป็นต้องไปใช้กลไกอะไรของกระทรวงยุติธรรมเพื่อที่ทำให้เรื่องที่อยู่ในความสนใจเสียขบวน เพราะความจริง นิติสงครามที่ดำเนินการกันมา มันถูกวางไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เพื่อปกป้องฝ่ายไหน เล่นงานฝ่ายใด

ปมที่ดินเขากระโดง แอ็คชั่นของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นบทที่จะต้องเล่นตามน้ำแบบนั้น เมื่อคำพิพากษาของศาลเป็นที่สุด มันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ หนทางเดียวที่จะใช้ตามแนวถนัดของพรรคสีน้ำเงินคือ การยื้อเวลาด้วยการหาเหลี่ยมมุมที่จะทำให้เรื่องนี้กลับเข้าไปสู่การพิจารณาของกระบวนการยุติธรรมอีกรอบ จากนั้นค่อยไปรอวัดผลกันเอา ซึ่งการไม่ไปแตะด้วยอำนาจสั่งการให้ฝ่ายบริหาร จะเป็นผลดีต่อตัวผู้นำและรัฐบาลมากที่สุด

เห็นกันอยู่ จากการทำงานของอธิบดีกรมที่ดิน ยุคเสี่ยหนูนั่น มท.1 กับยุคคนเพื่อไทยบริหาร ความจริงที่ถูกสื่อสารออกมา ทำให้สังคมส่วนใหญ่เชื่อได้ว่ากรณีไหนเป็นความถูกต้อง และต้องเดิน เรื่องนี้มันไม่ใช่อคติเกี่ยวกับตัวบุคคลหรือตระกูลที่ถือครองที่ดินซึ่งเป็นปัญหาจำนวนมาก หรือเป็นประเด็นความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หากแต่เป็นการพิสูจน์ว่าที่ดินทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไร เมื่อพบว่ามีความไม่ชอบมาพากล และมีคำสั่งศาลถึงที่สุด ควรจะต้องหาวิธีการที่เหมาะสมเข้าไปจัดการ ไม่ใช่การใช้อำนาจไปเป่าให้ทุกอย่างจบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของยุคเสพข่าวกันแบบไม่คัดกรอง ตกเป็นเครื่องมือของพวกสร้างข่าวเท็จ ปล่อยข่าวปลอมไปโดยไม่รู้ตัว กับกรณีการเผยแพร่ข่าวเขมรเตรียมยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร ที่กัมพูชานับแสนล้านบาท กระทั่ง ฮุน เซน ออกมาชี้แจงแถลงไข ไม่มีการอายัดทรัพย์สินของทักษิณ กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในดินแดนเขมร รวมถึงบอกด้วยว่า อดีตนายกฯ ไทยทั้งสองคน ไม่เคยมีการนำทรัพย์สินใดๆ มาฝากไว้ในประเทศกัมพูชา

เป็นอันจบข่าว เมื่อผู้มีบารมีของเขมรเป็นคนยืนยันเอง จะบอกว่าเข้าข้างทักษิณปกป้องเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะนาทีนี้ได้แปรสภาพเป็นศัตรูกันไปแล้ว ด้วยการทำให้ลูกสาวสุดรักของเคยคนรักต้องกระเด็นตกเก้าอี้ผู้นำประเทศ แน่นอนว่า การที่ฮุน เซน แสดงออกแบบนี้ คงไม่ใช่การต้องการช่วยอดีตเพื่อน แต่เป็นการส่งสารถึงชาวเขมร รวมไปถึงชาวโลกชี้ให้เห็นว่า ข่าวเท็จ เฟกนิวส์ทั้งหลายนั้นเกิดมาจากประเทศไทยเอง แน่นอนว่า เป้าหมายคือดึงไปเกี่ยวกับปัญหาชายแดนของทั้งสองประเทศ คนประเภทนี้ไม่มีทางที่จะสื่อสารด้วยความหวังดี และไม่หวังผลอะไรอยู่แล้ว

อรชุน

Back to top button