เงินเทาไป..เงินขาวมา

ดูเหมือนความวิตกกังวลเรื่องเงินเทาบุกตลาดหุ้นจะเริ่มจางหายไปทีละเล็กทีละน้อย จนนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นอีกครั้งแบบนี้


ดูเหมือนความวิตกกังวลเรื่องเงินเทาบุกตลาดหุ้นจะเริ่มจางหายไปทีละเล็กทีละน้อย จนนักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นอีกครั้งแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยชอบอะไรที่คลีนๆ และอย่าได้มีประเด็นที่ทำให้นักลงทุนเคลือบแคลงใจเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นจะเกิดปรากฏการณ์ขายหุ้นทิ้ง พร้อมกับโยงประเด็นร้อนเข้ามาเป็นเหตุที่ทำให้ต้องทิ้งหุ้นก่อนเวลาอันควรนะจ๊ะ

เนื่องจากในช่วง 5 วันทำการที่ดัชนีร่วงต่อเนื่อง ก็มีการเม้าท์เกี่ยวกับเรื่องส่งออกทองไปเขมรเยอะผิดปกติ ต่อมาก็มีเรื่องบาทแข็งผิดปกติ ถัดมาก็มีเรื่องใช้คริปโตฯ เพื่อฟอกเงิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนเกิดความกังขาใจเป็นจำนวนมาก แต่ทันทีที่ทางการจะเข้าไปตรวจสอบธุรกรรมอย่างเข้มข้น ก็ทำให้สภาพของตลาดหุ้นไทยเด้งกลับขึ้นมาได้..ขาเม้าท์เลยเรียกอาการแบบนี้ ไหวตัวไปหมดแล้ว..อิอิอิ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตีความได้ว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,278.41 จุด บวกไป 5.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.85 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นภาพที่สื่อให้เห็นภาวะปกติในการลงทุนกลับมาแล้ว ซึ่งเป็นโอกาสของการเล่นหุ้นรอบใหม่อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อสำรวจหุ้นที่ถูกขายผ่านกระดาน NVDR หนักก่อนหน้านี้ เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาเรื่อย ๆ อีฉันเลยเชื่ออย่างสนิทใจว่า ดัชนีจะขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,300 จุดในไม่ช้าเจ้าค่ะ

โดยเฉพาะการเด้งกลับของหุ้น CPALL พร้อมกับขึ้นมายืนที่ระดับ 47.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.14 พันล้านบาท ซึ่งเที่ยวก่อนกำลังจะวิ่งทะลุ 50 บาท แต่สุดท้ายโดนขายเสียก่อนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่น่ารักน่าลุ้นดีเหลือเกิน เพราะเที่ยวนี้มีโอกาสที่จะวิ่งผ่านระดับดังกล่าวค่อนข้างสูง หลังสถานการณ์หลายอย่างกลับสู่พื้นฐานความเป็นจริงแล้วนะซี

เช่นเดียวกับในรายของ AOT ที่วันนี้กลับมาด้วยเรื่องรายได้ธุรกิจการบินเป็นหลัก และเตรียมจะเพิ่มรายได้ด้วยการเก็บค่าใช้สนามบินเพิ่ม ซึ่งจะชดเชยรายได้ที่หายไปจาก “คิง เพาเวอร์” ได้ในระดับหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 39.75 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 1.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 686 ล้านบาทเหมาะสมทุกประการ และปลุกความหวังที่จะได้เห็นหุ้นขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่ระดับ 42.75 บาทอีกครั้งพะยะค่ะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น KTC ที่อีฉันพยายามย้ำให้นักเล่นได้เห็นว่า วันนี้พื้นฐานของบริษัทยังคงดีเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ที่ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็นก็คือ ราคาหุ้นในกระดานที่ยังป้วนเปี้ยนที่บริเวณ 30 บาท แถมครั้งใดที่ราคาหุ้นเริ่มยกตัวสูงกว่าระดับดังกล่าว มักมีแรงขายออกมาเป็นประจำ อีฉันเลยอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 29.75 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 620 ล้านบาท คุ้มที่จะเล่นตามน้ำไหมคะ

ส่วนรายที่คุ้มในการเล่นต่อคงมองไปที่หุ้น BTG เพราะมีตัวเลขส่งออกโตเป็นแบ็กอัพ ผนวกกับราคาหุ้นนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลานาน อีฉันถึงเห็นด้วยกับการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 18.40 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 292 ล้านบาท เพราะเป็นการเทรดบนค่า PE ไม่ถึง 10 เท่า “โมนิก้า” จึงกล้าสนับสนุนให้แฟนคลับเล่นหุ้นตัวนี้เต็มตัว หลังนักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าสูงสุดที่ระดับ 27 บาทนะซี

ปิดท้ายกันที่หุ้นร้อนอย่าง DUSIT เพื่อชี้ให้เห็นการเลือกบอร์ดชุดใหม่ในวันที่ 26 ก.ย. น่าจะเป็นตัวบอกเรื่องราวทั้งหมดว่า สามพี่น้องคืนดีกันแล้วจริงไหม? แถมก่อนหน้านี้ “ป๋าชนินทธ์” ประกาศก้องเคลียร์ปัญหาทุกอย่างแล้ว จึงหวังว่า ทุกอย่างจะออกมาเหมือนที่คุณป๋าพูดไว้ เพราะถ้าผิดไปจากที่ทุกคนเชื่อว่า จบสวย! อาจกลายเป็นมหากาฬที่ขาเผือกจะเม้าท์กันไปอีกนานนะนายจ๋า!

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button