เผือกร้อนตลาดหุ้นไทย

ช่วงที่ผ่านมา “โมนิก้า” ตื่นเต้นกับการเคลื่อนตัวของดัชนีพักใหญ่ ๆ และให้ความสำคัญกับปัจจัยบวกใหม่ ๆ จนลืมดูประเด็นร้อนที่ขาเผือกให้ความสนใจ


ช่วงที่ผ่านมา “โมนิก้า” ตื่นเต้นกับการเคลื่อนตัวของดัชนีพักใหญ่ ๆ และให้ความสำคัญกับปัจจัยบวกใหม่ ๆ จนลืมดูประเด็นร้อนที่ขาเผือกให้ความสนใจ กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็เกือบสายไปเสียแล้ว จึงขอเกาะติดประเด็นที่ผู้คนอยากรู้ถึงผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นไร? เพราะในเวลานี้ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าใคร จึงมีแต่ข่าวเม้าท์ที่บรรดาแมงลือคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา อีฉันจึงขอเม้าท์กับเขาด้วยคนนะนายจ๋า!

โดยเฉพาะเรื่องที่ 17 โบรกฯ ร่วมตัวเพื่อยื่นเรื่องให้สำนักงาน ก.ล.ต. และ ตลท. ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการทำ “ชอร์ตเซล” กับ “เน็กเก็ตชอร์ต” เพราะประกาศที่หน่วยงานดังกล่าวนำออกมาใช้ก่อนหน้านี้ มันมีช่องโหว่ที่โบรกเกอร์เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ หลังแนวทางที่จะนำมาปฎิบัติอาจไม่เป็นธรรมกับการลงทุน และอาจทำให้รายย่อยเสียเปรียบในการลงทุนไงล่ะจ๊ะ

ที่สำคัญอีฉันไม่รู้หรอกว่า หน่วยงานทางการรับรู้ถึงรูรั่วดังกล่าวมากน้อยขนาดไหน? แต่ก็หวังในใจลึก ๆ ว่า ผู้ที่รับผิดชอบจะลงมาดูเรื่องที่มีการร้องเรียนแบบเต็มตัว และออกมาให้ความกระจ่างกับทุกส่วนที่ได้รับผลกระทบ แถมทุกวันนี้ “โมนิก้า” ยังได้ยินโบรกเกอร์เกือบครึ่งหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ฯ บ่นถึงเรื่องดังกล่าวกันเป็นประจำ และตราบใดที่ตลาดหุ้นยังวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ ก็อย่าหวังว่า นักเล่นจะกล้าลุยหุ้นสุดซอยนะจะบอกให้

คล้ายกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับหุ้น DUSIT ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนที่เป็นขาเผือกปลงอนิจจังกันเป็นแถว เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาเป็นระลอกเกี่ยวกับการเคลียร์ใจระหว่างพี่น้อง 3 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายผลการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นรอยร้าวยังมีอยู่อย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นคะแนนเสียงในการโหวตปลด “ชนินทธ์”  ซึ่งนั่งในตำแหน่งกรรมการจะพุ่งขึ้นไปเกือบ 80% ได้อย่างไรคะ

ถึงกระนั้นในวาระดังกล่าวต้องได้รับมติอนุมัติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้น ส่งผลให้คุณพี่ยังนั่งในตำแหน่งกรรมการต่อไป แต่ในขณะเดียวกันคุณพี่ชนินทธ์ก็ทำหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และ กขค. (คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) เพื่อชี้ให้เห็นการร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อครอบงำกิจการ จนทำให้ประธานในที่ประชุมต้องเลื่อนประชุมออกไปเป็นวันที่ 4 ธ.ค. 68 เวลา 14.00 น. แบบนี้..เลือดข้นคนจางอะป่าว?

ประเด็นร้อนอีกเรื่องที่ต้องตามดูกันให้ดีก็คือ ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ CV รวมตัวไปร้อง ก.ล.ต. หลังผู้บริหารมีพฤติกรรมต้องสงสัยว่าจะกระทำการทุจริต จนทำให้บริษัทประสบปัญหาขาดทุนหนัก โดยเฉพาะการถ่ายโอนเงินจำนวนมากในการทำดีลซื้อกิจการ รวมถึงการเบี้ยวชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ก่อนหน้านี้ ก็เป็นเหตุให้หนี้หุ้นกู้ทั้งหมด 3 รุ่นที่มีมูลค่ารวม 883.50 ล้านบาท มีปัญหาไปด้วยแบบนี้..รายย่อยถึงต้องการเอาผิดผู้บริหารไงล่ะคะ

ในเมื่อเม้าท์ถึงเรื่องฟ้องร้องขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอพูดถึงศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ กทม. ดำเนินการจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถ และค่าซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1-2 งวดเดือน มิ.ย.64- ก.ค. 65  รวมทั้งสิ้น 11.07 หมื่นล้านบาท ภายใน 180 วันให้กับ BTS ก็เป็นหนังเรื่องยาวที่ผู้คนอยากให้จบเสียที! และหวังว่า กทม. จะไม่มีการอุทธรณ์ เพราะถ้าทำแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องแบกดอกเบี้ยหัวโตนะนายจ๋า

ปิดท้ายกันที่ภาวะตลาดหุ้นหลังจากดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,288.07 จุด บวกไป 9.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.78 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นใหญ่พากันกลับมาเฉิดฉายแบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมเชื่ออย่างสนิทใจว่า ดัชนีมีโอกาสวิ่งกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,300 จุดในไม่ช้า ผนวกกับตลาดหุ้นกำลังเข้าสู่ไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของทุกธุรกิจ จึงน่าจะทำให้ตัวเลขกำไรฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญนะออเจ้า!

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button