
ช่วงสั้นคาด SET ไซด์เวย์กรอบแคบ หลังขาดปัจจัยใหม่
InnovestX มองว่าข้อมูล Hard data อย่าง JOLTS และ ADP สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง โดยนายจ้างไม่เร่งจ้างงานและแรงงานมีความระมัดระวังในการเปลี่ยนงาน
InnovestX มองว่าข้อมูล Hard data อย่าง JOLTS และ ADP สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐฯ อยู่ในภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง โดยนายจ้างไม่เร่งจ้างงานและแรงงานมีความระมัดระวังในการเปลี่ยนงาน ประกอบกับ วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติไม่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวด้วยคะแนน 55 ต่อ 45 เสียง ทำให้เกิดภาวะ Government Shutdown ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ราว 0.2% ต่อสัปดาห์ ทำให้โอกาสการลดดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ต.ค. มีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดแรงงานจะอ่อนแอแต่การเข้ามาของ AI ที่ทดแทนตำแหน่งงานบางส่วนได้ ทำให้ InnovestX มองว่าผลิตภาพโดยรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่ได้ถดถอยลงมากนักสะท้อนจากข้อมูล Soft data อย่างดัชนี ISM Manufacturing PMI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 7 เดือน และ S&P Global PMI ที่ยังแข็งแกร่งสุดรายไตรมาสตั้งแต่ปลายปี 2024 สะท้อนความ Resilient landing ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้ม Soft landing ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจยูโรโซนที่ฟื้นตัวดีขึ้นและเงินเฟ้อที่เคลื่อนไหวใกล้เคียงกรอบเป้าหมาย ประกอบกับ ECB ที่ส่งสัญญาณ “Higher for longer” ทำให้ InnovestX มองว่า ECB น่าคงดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี 2568 เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะหนุนค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น กดดันให้ DXY อ่อนลง และส่งผลให้ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าตาม
สำหรับเศรษฐกิจไทย InnovestX มองว่ามาตรการของรัฐบาลมีโอกาสส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการคนละครึ่งพลัสอาจดึง GDP ไตรมาส 4/68 ให้ขยายตัวที่ 0.8-1.0% ทำให้ทั้งปี 2568 เข้าใกล้ 2.0% จากเดิมคาด 1.8% โดย InnovestX มองว่านโยบายการคลังจะเป็นตัวนำเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่นโยบายการเงินอาจไม่ได้ผ่อนคลายตามที่ตลาดคาดหวัง สะท้อนจากถ้อยแถลงของ คุณวิทัย รัตนากร ที่ต้องการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ พร้อมรักษาความอิสระของธนาคารกลาง ทำให้ InnovestX มองว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. นี้
สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET มีโอกาสพักฐานหรือไซด์เวย์ในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระตุ้นบรรยากาศลงทุน โดยปัจจัยในประเทศติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ ก.ย. ซึ่งหากยังติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 อาจหนุนให้ตลาดคาดหวังการลดดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ดี InnovestX คาด กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค. นี้ก่อน แต่มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 17 ธ.ค. นี้แทน ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตาม FOMC Minutes เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
ขณะที่การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดไม่มีผลกระทบต่อการลงทุน โดยในอดีตการชัตดาวน์ยาวนานสุดเกิดขึ้นในปี 2561-2562 ใช้ระยะเวลา 35 วัน ซึ่งทั้ง S&P และ SET ให้ผลตอบแทนเป็นบวก สะท้อนว่าตลาดไม่ได้ให้น้ำหนักต่อประเด็นนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 2 ธีมเทรดดิ้ง ซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Earning Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 จะยังเติบโตดีทั้งจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และ InnovestX แนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC, BCP, KTB, LHSC, OR, PTT และ TRUE
- หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดย InnovestX คาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้ง และปีหน้า 2 ครั้ง อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL, GPSC, TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP, MTC, TIDLOR
- Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากเกิดโครงการคนละครึ่งในอดีต ซึ่งมียอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นในช่วงที่มาตรการมีผลบังคับใช้ แนะนำ CPAXT (มีฐานลูกค้าโชห่วยและร้านอาหาร), TNP (เป็นร้านธงฟ้า), BJC, CPALL, CBG, OSP, HTC, ICHI, SAPPE และ 2) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ของรัฐบาล และเราแนะนำ Outperform แนะนำ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC, TNP, GLOBAL) กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, ERW) กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, TIDLOR) กลุ่มนิคม (WHA, AMATA) กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM, BCPG, CKP)
นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล
ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team
บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX