BYD ลูก (หนี้) รุงรัง.!

ช่วงกลางเดือน ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ราคาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD แรงงส์ทะลุนรกจากไม่ถึง 50 สตางค์


ช่วงกลางเดือน ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์ราคาหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD แรงงส์ทะลุนรกจากไม่ถึง 50 สตางค์ พรวดพราดขึ้นไปเกือบเต็มบาท รับเซนติเมนต์เชิงบวกหลัง ขสมก.เดินหน้าโครงการเช่ารถเมล์ไฟฟ้า 1,520 คัน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท 

แต่สุดท้ายก็ไปต่อไม่ไหว…ราคาไหลลงเรื่อย ๆ โดยวานนี้ (6 ต.ค. 2568) ปิดตลาดที่ 0.63 บาท ปรับลดลง 8.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 27.39 ล้านบาท

ปมเหตุเพราะมีเรื่องที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรมนี่เอง จากกรณีการปล่อยกู้ให้ลูกและหลานมาตั้งแต่ปี 2565 จนหนี้พอกพูนก้อนโต เงินต้นรวมดอกเบี้ยค้างรับกว่า 10,759 ล้านบาทเชียวหนา

บริษัทลูกที่ว่าก็คือ บริษัท เอซ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ACE (BYD ถือหุ้น 49%) ส่วนหลาน คือ บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด หรือ TSB ( BYD ถือหุ้นทางอ้อมผ่าน ACE 100%) ซึ่งการปล่อยกู้ดังกล่าว ก็เพื่อให้ TSB มีเงินไปขยายธุรกิจขนส่งสาธารณะประจำทาง หรือรถเมล์ไฟฟ้านั่นเอง

โดยเมื่อเดือน ม.ค. 2568 BYD เพิ่งปล่อยกู้ให้กับ ACE เพิ่มจำนวน 1,050 ล้านบาท เพื่อไปจ่ายหนี้เงินกู้ที่ ACE กู้มาซื้อรถเมล์ไฟฟ้าเพื่อให้กลุ่ม TSB เช่าซื้อ กำหนดชำระในวันที่ 31 มี.ค. 2568…แต่เอาเข้าจริง ACE ชำระคืนเงินกู้ได้แค่ 430 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 620 ล้านบาท…มิหนำซ้ำ BYD ยังใจดี๊ใจดียืดหนี้ออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2574 แถมยังลดดอกเบี้ยให้อีก จาก 6-7% เป็น 4% โดยให้ TSB ชำระคืนเงินกู้โดยตรงให้ BYD รวมทั้งให้ TSB เข้าค้ำประกันการชำระหนี้ 

BYD อ้างว่าเรื่องนี้ได้ชี้แจงในเอกสารคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ หรือ MD&A ไปแล้วว่า เป็นเพราะผลประกอบการของ TSB ไม่เป็นไปตามแผนที่คาดการณ์ ซึ่ง TSB ต้องปรับวิธีคิดค่าโดยสารโดยให้อ้างอิงตามตารางบันไดราคาตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด ส่งผลให้รายได้ของ TSB ลดลงจากที่ประมาณการไว้อย่างมีสาระสำคัญ…ก็ว่ากันไป 

แต่การกระเตงลูกจนเกิดเป็นหนี้สินรุงรัง…ส่งผลให้งบในไตรมาส 2/2568 ของ BYD มีตัวเลขขาดทุนสุทธิ 2,668 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท สาเหตุหลักจากการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของเงินให้กู้ยืมแก่ TSB จำนวน 2,652 ล้านบาท รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเงินให้กู้ยืมกับ ACE ซึ่งกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัท

เป็นที่มาให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เกิดข้อห่วงใย เลยสั่งให้ BYD  ชี้แจงข้อมูลด่วน ๆ ภายในวันที่ 14 ต.ค. 2568 ดังนี้

1) การขยายเวลาชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับ ACE ลดอัตราดอกเบี้ย และให้ TSB ชำระหนี้แทนและเข้าค้ำประกันชำระหนี้มีผลกระทบกับบริษัทในเรื่องดังต่อไปนี้อย่างไร 1.1 Counterparty Credit Risk เปลี่ยนไปหรือไม่อย่างไร รวมถึงกรณีที่ต้องมีการฟ้องร้องหากไม่สามารถชำระหนี้ได้

1.2 อัตราดอกเบี้ย คุณภาพและมูลค่าหลักประกัน (รถโดยสารไฟฟ้าที่ TSB ใช้ในการทำธุรกิจ) ที่บริษัทได้รับเหมาะสม และสอดคล้องกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปและความสามารถในการชำระหนี้ของ TSB หรือไม่ อย่างไร อ้างอิงกับข้อมูลใด  

1.3 เงื่อนไขใหม่นี้กระทบกับฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน สภาพคล่องของบริษัท หรือเป็นประโยชน์กับบริษัทอย่างไร ปัจจุบันถือว่าบริษัทมี Exposure กับ TSB เป็นสัดส่วนเท่าไร บริษัทมีมาตรการในการดูแล ติดตาม และจำกัดความเสี่ยงอย่างไร เนื่องจากบริษัทชี้แจงว่ารายได้ของ TSB ลดลงจากที่ประมาณการไว้อย่างมีสาระสำคัญ  

1.4 รายละเอียดของกระบวนการพิจารณาและผู้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่าง ๆ ของเงินให้กู้ยืมกับ ACE รวมถึงเป็นไปตามเกณฑ์และนโยบายของบริษัทหรือไม่ อย่างไร

และ 2) ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับความเหมาะสมของการพิจารณาการให้กู้ยืมและการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่าง ๆ 

ก็ต้องดูว่า BYD จะชี้แจงเรื่องนี้ให้เคลียร์ชัดได้หรือไม่..?? เป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป

คำแนะนำระหว่างนี้จึงไม่ควรไปข้องแวะกับ BYD…ควรยืนมองอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เท่านั้น…

แต่ถ้าอยากลองของก็ไม่ว่ากัน…แต่หากติดหุ้นขึ้นมาไม่รู้ด้วยนะ…

เพราะเราเตือนคุณแล้ว..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button