เศรษฐกิจหด..รัฐบาล(อายุ)สั้น.!?

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ บนเวทีเสวนา “พลิกเกมสู้เศรษฐกิจโลกป่วน” หัวข้อ The Future Direction of Thailand ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ


หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ บนเวทีเสวนา “พลิกเกมสู้เศรษฐกิจโลกป่วน” หัวข้อ The Future Direction of Thailand ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นั่นคือเนื้อหาจาก “ผยง ศรีวณิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย..!!

ที่ระบุว่า “ปัจจุบันขนาดของภาคธนาคารพาณิชย์ไทย ยังเล็กกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ทั้งเวียดนาม, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่ภาคเอกชนไทย ต้องเผชิญปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ ผลิตภาพ (Productivity) ที่ต่ำ และประสิทธิภาพการบริหารจัดการของภาครัฐ ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุสำคัญทำให้การเติบโตของประ เทศชะลอตัว”

หากมองระยะ 5 ปีข้างหน้าทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และฐานข้อมูลสถิติทางเศรษฐกิจและการเงินระดับโลก (CEIC) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.7% ต่อปี ขณะที่ประเทศกลุ่มอาเซียน จะเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 4.5% ต่อปีสะท้อนว่าศักยภาพของไทยลดลง จากเดิมที่เคยเป็น “พี่ใหญ่ของอาเซียน”..!!

ถอดถ้อยรหัสจาก “ผยง ศรีวณิช” บ่งชี้ชัดเจนว่า ธนาคารพาณิชย์ไทยกำลัง “ติดกับดักการเติบโต” นั่นเอง..!!

สะท้อนจากเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่แต่ละแห่ง ที่ประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อาทิเช่น ธนาคารกรุงไทย (KTB) เป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ “คงที่ (Flat)” ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 2.9-3.2% NPL Ratio ไม่เกิน 3.25%

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ “คงที่ (Flat)” ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3.3-3.5% NPL Ratio ไม่เกิน 3.25% และธนาคารไทยพณิชย์ (SCB) เป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อ 1-3% ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) 3.6-3.8% NPL Ratio ไม่เกิน 1.5-1.7%

การเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ บ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจเติบโตต่ำ และการลงทุนขยายตัวอย่างถดถอยตลอดหลายปีที่ผ่านมา..

อีกนัยฯ จากประธานสมาคมธนาคารไทย ที่ระบุว่า “SMEs มีสัดส่วนเพียง 30% ของ GDP แต่สร้างการจ้างงานมากถึง 70% ของประเทศ ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่มีเพียง 1% ของจำนวนธุรกิจทั้งหมด กลับสร้างสัดส่วน GDP สูงถึง 65% ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจ “กระจุกตัว” และประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถมีส่วนร่วมกับผลของการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถึง.!”

เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจขณะที่เศรษฐกิจไทยติดกับดัก “รวยกระจุกจนกระจาย” แต่เศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้าน กลับมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และเดินนำหน้าไทยไปหลายตัว..

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “เวียดนาม” ล่าสุดไตรมาส 3/68 ตัวเลข GDP เติบโตว่า 8.23% ถือเป็นตัวเลขเติบโตเร็วสุดรอบ 3 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดการลงทุนทางตรง (FDI) ในเวียดนาม ช่วง 9 เดือนแรก เติบโตกว่า 15.2% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

เรียกได้ว่า..เป็นการขยายตัวสูงสุด จากทั้งหมด 11 ประเทศในอาเซียน..!!

กลับมาที่ประเทศไทย..โจทย์ใหญ่ไม่ใช่ว่า “จะเติบโตเท่าไหร่”..แต่เป็นว่า “จะฟื้นตัวอย่างไร” ต่างหาก..!!?

ภายใต้ “อายุรัฐบาลที่สั้นจู๋” ที่เป็นอยู่ขณะนี้..!!?

Back to top button