ช่วงสั้นคาด SET ไซด์เวย์ หลังเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบ 3Q68

InnovestX มองว่า การพบกันระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิงครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้น เพราะช่วยลดความไม่แน่นอนและความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก


InnovestX มองว่า การพบกันระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิงครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณบวกในระยะสั้น เพราะช่วยลดความไม่แน่นอนและความเสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานโลกที่อาจเกิดจากสงครามการค้าที่บานปลาย แต่ยังเป็นเพียง “การพักรบ” มากกว่าสันติภาพที่ยั่งยืน เพราะข้อตกลงส่วนใหญ่มีระยะเวลาเพียง 1 ปี และไม่ได้แก้ไขประเด็นพื้นฐานอย่างการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ชิปเซมิคอนดักเตอร์ และความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลก ดังนั้นความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจยังคงดำเนินต่อไปในรูปแบบ Cold War” ทางเศรษฐกิจ โดยระยะหลัง จีนดูมีอำนาจต่อรองมากขึ้นหลังใช้แร่ธาตุหายากเป็นเครื่องมือต่อรอง ขณะที่ระยะสั้นรัฐบาลทรัมป์อาจใช้แต้มต่อจากการเจรจาการค้ากับจีนและประเทศในเอเชียที่สำเร็จนี้ในการผลักดันวาระในประเทศ เช่น การยุติ Government Shutdown และการผลักดันให้ Fed ลดดอกเบี้ยต่อ

InnovestX ยังคงมุมมอง Fed ว่าจะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน ธ.ค. นี้ จาก 1) ตลาดแรงงานอ่อนแอ โดยทั้ง JOLT และ ADP ยังต่ำต่อเนื่อง 2) การปิดรัฐบาลอาจกระทบข้าราชการ 650,000-750,000 คนต้องพักงาน และอาจทำให้อัตราว่างงานพุ่ง 0.4% 3) เงินเฟ้อที่อยู่อาศัยผ่อนคลายเหลือ 1.71% ลง แม้เงินเฟ้อในสินค้าและบริการบางส่วนอาจได้รับแรงกดดันจากภาษีการค้าของทรัมป์ แต่ประเมินว่าเงินเฟ้อจะไม่เร่งตัวมากในช่วงปลายปีจนเป็นอุปสรรคต่อการลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2568-ต้นปี 2569 และ 4) คะแนนนิยมทรัมป์ปรับลดลงต่อเนื่อง สร้างแรงกดดันให้ทรัมป์บีบ Fed ให้ลดดอกเบี้ยเพื่อหนุนเศรษฐกิจ โดย InnovestX คาดลดดอกเบี้ยได้อีกครั้งสู่ 3.38% ในครึ่งแรกของปี 69 

สำหรับตลาดหุ้นไทย InnovestX มองช่วงสั้น SET จะแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ 1280-1345 จุด โดยปัจจัยในประเทศติดตามการเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบไตรมาส 3/68 ของ บจ. กลุ่ม Real Sector หลังงบหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าตลาดคาด รวมทั้งการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล อาทิ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ขณะที่เงินเฟ้อไทย ต.ค. คาดยังคงติดลบต่ออย่างน้อย 0.5%YoY (จาก ก.ย.-0.7%YoY) ส่วนปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1. ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อาทิ การจ้างงาน ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ รวมทั้งดุลการค้า ต.ค.  ซึ่งหากออกมาแย่กว่าคาด มองตลาดจะให้น้ำหนักเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงต่อในเดือน ธ.ค. 2. การประชุมของ BoE คาดมีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย และ 3. งบไตรมาส 3/68 ของบจ. ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่คาดจะออกมาดีกว่าตลาดคาด กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 4 ธีมเทรดดิ้งซึ่งมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้ 

  1. หุ้น Earning Play ซึ่งคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 จะยังเติบโตดีทั้ง QoQ และ YoY และเราแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดีและราคาหุ้นยังมี Upside ได้แก่ ADVANC, BCP, LHSC, OR, PTT, TRUE 
  2. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วง 1H69 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL, GPSC, TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือ กำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP, MTC, TIDLOR รวมทั้งหุ้นกลุ่ม REITs แนะนำ DIF, FTREIT, LHHOTEL
  3. Trading Idea : นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่มีแนวโน้มจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/68 ออกมาดีกว่าตลาดคาด แนะนำ BCPG, TU, GFPT, CPALL, BGRIM 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากทรัมป์และสี จิ้นผิงบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้นได้ แนะนำ IVL, PTTGC, SCC, SCGP 3) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ แนะนำ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL, ERW) จากมาตรการเที่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, TIDLOR) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย และ 4) หุ้นที่คาดได้อานิสงส์จากดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็งค่า) แนะนำ กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC)

นางสาวณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล

ผู้อำนวยการอาวุโส Equity Strategy Team

บล. InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX

Back to top button