ขึ้นแล้วไม่ลง?

ถ้าพูดถึงเรื่องตลกร้ายของตลาดหุ้นไทย คงหนีไม่พ้นเรื่องหุ้นพุ่งแรงแบบงง ๆ ต่อจากนั้นทรุดฮวบแบบไม่ทันตั้งตัว


ถ้าพูดถึงเรื่องตลกร้ายของตลาดหุ้นไทย คงหนีไม่พ้นเรื่องหุ้นพุ่งแรงแบบงง ๆ ต่อจากนั้นทรุดฮวบแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้รายย่อยรู้สึกเข็ดขยาดกับการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นชนวนเหตุให้นักลงทุนชะลอลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ผสานกับดัชนีรูดทะลุแนวรับสำคัญลงมาอย่างง่ายดาย ต่อจากนั้นเด้งขึ้นแรงในจังหวะที่รายย่อยสิ้นหวัง อีฉันมองเป็นเกมที่น่ากลัวสุด ๆ นะจะบอกให้

เนื่องจากการเด้งกลับบนสตอรี่เดิม ๆ ทั้งที่ตลาดหุ้นยังมีความกังวล มันมองได้อย่างเดียวคือ “กลับมาทุบ” และเรื่องนี้เป็นเหตุให้ “โมนิก้า” พาดหัวเมื่อวันก่อนว่า “หมดหวัง..น้ำตาริน” เพราะเรื่องราวมันดูพิลึกเหลือเกิน และเหตุการณ์ในลักษณะนี้เริ่มเกิดขึ้นถี่ ๆ อีฉันเลยอยากถามว่า วันก่อนยังวิตกจริตอยู่เลย วานนี้กลับไม่มีอาการกลัวหลงเหลือยู่เลย แล้ววันนี้จะเป็นอย่างไรล่ะจ๊ะ

ประเด็นเหล่านี้ทำให้อีฉันไม่มั่นใจว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1,268.78 จุด บวกไป 16.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.45 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางแรงหนุนจากหุ้น DELTA ทำหน้าที่ดันดัชนีขึ้นมา 8.50 จุด เป็นการกลับทิศอย่างถาวร เพราะถ้าดูดี ๆ จะเห็นว่า หุ้นที่ไหลลงมาเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ ยังไม่ตีตื้นกลับมายืนในราคาเดิมได้เลย! และทั้งที่รู้ว่า ราคาหุ้นที่เห็นตอนนี้ต่ำกว่าราคาเหมาะมาก ๆ แต่ทำไมไม่ไล่ซื้อกันเลยจ๊ะ

เหมือนกับในรายของ HMPRO ที่อีฉันพูดไปเมื่อวันก่อนว่า ความสามารถในการทำกำไรยังดีอยู่ และยังมีปันผลเป็นของแถมติดปลายนวม แต่นักลงทุนก็ไม่เล่นกันสักที! จนมีเรื่องน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ขึ้นมาเท่าแหละ! นักลงทุนกระโจนใส่มือเป็นระวิง และเป็นเหตุให้หุ้นบวกต่อเป็นวันที่ 2 ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 6.25 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 384 ล้านบาทแบบนี้..สตอรี่ต้องนำหน้าข้อเท็จจริงใช่ไหม?

เช่นเดียวกับในรายของ WHA ที่ราคาหุ้นซบเซามาเป็นเวลานาน ล้วนมาจากความกังวลที่เกี่ยวกับยอดขายที่ดินจะไม่เป็นไปตามเป้า จนสุดท้ายตัวเลขกำไรก็ออกมาตามเป้าที่วางไว้ แต่ราคาหุ้นก็ไม่ยอมเด้งอย่างที่ควรจะเป็นเสียที! จนมีข่าวคุณพี่ “เอกนิติ” ประกาศทะลวงคอขวด เพื่อช่วยให้การลงทุนกว่า 4.80 แสนล้านเกิดขึ้นเร็วสุด หุ้นก็เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ3.28 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 641 ล้านบาททันทีเลยจ้า!

ส่วนรายที่ทำผลงานดีอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนมองอย่าง NER ก็เป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ชื่นชอบเป็นเวลานาน เพราะสิ่งที่เห็นคือพัฒนาการของบริษัทมีอย่างต่อเนื่อง และถ้ามองถึงกำลังการผลิตในปี 70 จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 แสนตัน จากเดิมอยู่ที่ระดับ 3 แสนตัน น่าจะทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นเท่าตัวแบบนี้ คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า ราคาหุ้นควรยืนอยู่แค่ระดับ 4.22 บาท ท่ามกลาง PE 4.20 เท่าจริงเหรอ?..ช่วยตอบหน่อยค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้นโรงนวดอย่าง ONSENS ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเมื่อดูแผนการเติบโตจะแจ่มชัดสุด ๆ ปี 70 ทำให้เชื่อว่า ราคาหุ้นน่าจะไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ และการที่หุ้นเริ่มขยับตัวขึ้น ๆ ลง ๆ บ่อยเหลือเกิน น่าจะเป็นการตรวจความพร้อมสำหรับการขึ้นรอบใหม่ พร้อมกันนั้นก็ทำให้การยืนปิดที่ระดับ 1.32 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 17.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท เหมาะต่อการ “เล่นสั้น” และ “เล่นยาว” นะจะบอกให้

โดยหนึ่งในตัวอย่างที่อีฉันชอบมองเป็นประจำก็คือ SKIN ซึ่งเป็นผลมาจากการขึ้นในแต่ละวัน มักมีแรงขายออกมาในวันถัดไป แต่ฐานหุ้นก็สามารถยกตัวสูงขึ้นตามไปด้วย “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินฐานหุ้นก่อนหน้านี้ 7 วันอยู่ที่ระดับ 1.26 บาท แต่มาวันนี้หุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 1.70 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 11.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61 ล้านบาท คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า ราคาหุ้นจะทรุดฮวบกลับไปหาฐานเก่าอีกไหมเอ่ย?

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button