
MPJ เข้าเพื่อ (ลิปตพัลลภ) Exit
ช่วงปลายสัปดาห์ก่อน MPJ แจ้งการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่...แต่มาสะดุดตาเมื่อเห็นกลุ่มนามสกุลดัง “ลิปตพันลภ” ขาย Big Lot ล้างพอร์ต
ช่วงปลายสัปดาห์ก่อนบริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ แจ้งการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่…แต่มาสะดุดตาเมื่อเห็นกลุ่มนามสกุลดัง “ลิปตพันลภ” ขาย Big Lot ล้างพอร์ต นำโดย “ประภาพิมพ์ ลิปตพัลลภ” ขายจำนวน 8.4 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.20% ที่ราคาหุ้นละ 3.50 บาท รวมมูลค่า 29.40 ล้านบาท ส่วน “สรรัตน์ ลิปตพัลลภ” ขายจำนวน 7.6 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.80% ที่ราคาหุ้นละ 3.54 บาท รวมมูลค่า 26.90 ล้านบาท โดยทั้งคู่ทำธุรกรรมขายเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2568
ฟาก “อรรถรส ลิปตพัลลภ” ขายหุ้นจำนวน 7 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.50% ที่ราคาหุ้นละ 3.50 บาท รวมมูลค่า 24.50 ล้านบาท ไม่เท่านั้น ยังมี “ณัฐวุฒิ วิริยะพานิชภักดี” ร่วมวงขายหุ้นด้วยจำนวน 6.20 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.50 บาท รวมมูลค่า 21.70 ล้านบาท โดยทั้งคู่ทำธุรกรรมขายเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2568
ส่วนคนที่มารับ Big Lot ครั้งนี้ ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นบอร์ดของ MPJ 2 คน ได้แก่ “ไพรัต ภูฆัง” กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน ที่เข้ามาถือหุ้น 8.02% และ “สมิทธิ์ ชาติอาสา” กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ โดยถือหุ้น 6.62%
แต่แหม๊…เห็นกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” ขายหุ้นล้างพอร์ตอย่างนี้ ทำให้ต่อมอยากรู้อยากเห็นทำงานทันที…จู่ ๆ ทำไมถึงขายหุ้นทิ้งเสียล่ะเนี่ย..??
ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานของ MPJ ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่…เป็นหุ้นขนส่งที่ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร ทั้งการขนส่งทางบกต่อเนื่องกับท่าเรือ การบริหารลานตู้คอนเทนเนอร์ การจัดการขนส่งระหว่างประเทศ (Freight Forwarder) และบริการคลังสินค้า ซึ่งได้ฤกษ์งามยามดีวันที่ 6 พ.ย. 2567 เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาด้วยไอพีโอ 6.00 บาท
ด้านผลประกอบการก็พอใช้ได้ ในปี 2566 มีรายได้รวม 932.33 ล้านบาท กำไรสุทธิ 82.99 ล้านบาท ถัดมาปี 2567 มีรายได้รวม 1,048.64 ล้านบาท กำไรสุทธิ 99.88 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนของปี 2568 มีรายได้รวม 827.53 ล้านบาท กำไรสุทธิ 91.61 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับกำไรทั้งปี 2567 แล้วนะ…
งั้นถ้าไม่สะดุดยอดหญ้า ปิดงบงวดสิ้นปี 2568 ก็น่าจะเห็นผลงานเติบโตอยู่หนา..!!
มิหนำซ้ำ MPJ ยังเป็นหุ้นที่มีดิวิเดนด์ยีลด์สูงปรี๊ดดด ล่าสุดพุ่งไป 8.52% แล้ว…
ต้องบอกว่า งบก็ปัง…ปันผลก็เด่น..!! แล้วไหงกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” ไม่เก็บหุ้นไว้ละ..??
เอาเถอะจะขายหุ้นด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่..?? คงไม่มีใครหยั่งรู้ได้
แต่ที่พอรู้…ดูเหมือนจะเป็นการขายหุ้นหลังจากพ้นไซเรนต์ พีเรียด 1 ปีไปแล้ว เนื่องจากกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” และ “ณัฐวุฒิ วิริยะพานิชภักดี” จัดอยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่เข้ามาใส่เงินเพิ่มทุนให้กับ MPJ ตั้งแต่ปี 2565 ก่อนที่จะเข้าตลาดฯ ในปี 2567…ทำให้แม้ราคาที่ขายจะต่ำกว่าไอพีโอที่ 6.00 บาท แต่ถ้าอิงจากราคาพาร์ 0.50 บาท ก็ยังมีกำไรนะจิบอกให้…
การขายหุ้นของกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” จึงมองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากเข้า (ตลาดฯ) มาเพื่อ Exit ป๊ะเนี่ย.!?
อ้อ…นอกจากได้กำไรเป็นกอบเป็นกำกลับบ้านไปแล้ว ที่สำคัญไม่ต้องเสียภาษีด้วยนะ เพราะเป็นการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ…
ถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้ว่า “ลิปตพัลลภ” กลุ่มนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร..??
ทั้ง 3 เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลลิปตพัลลภ โดยเป็นลูกของ “สังวรณ์ ลิปตพัลลภ” ผู้คุมบังเหียนบริษัท ประยูรวิศว์ จำกัด ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” นั่นเอง..??
เอาเป็นว่า การขายหุ้นของกลุ่ม “ลิปตพัลลภ” ครั้งนี้ ทำได้…ไม่ผิดอะไร ก็เป็นวิถีของนักลงทุนบางกลุ่มที่เข้าไปใส่เงินเพิ่มทุนให้กับบริษัทเล็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัว จนกระทั่งเติบใหญ่และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวดอกผล…ถอนทุนคืน ด้วยวิธีการขายหุ้นไอพีโอหรือขายหุ้นในตลาดฯ ก็ว่ากันไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้
ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของ MPJ แต่อย่างใด…
โปรดรับทราบตามนี้นะเจ้าคะ…
…อิ อิ อิ…