กำไรปกติ..ด้วยวิธีพิเศษแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

ท่ามกลางความล่มสลายของบริษัทผลิตและทำธุริจเหล็กทุกระดับ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงกลางน้ำ และเรื่อยลงไปถึงปลายน้ำ มีบริษัทหนึ่งที่มีกำไรโดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ชนิดพลิกความคาดหมาย...เป็นการเทิร์นอะราวด์รวดเร็วไม่น่าเชื่อ


ท่ามกลางความล่มสลายของบริษัทผลิตและทำธุริจเหล็กทุกระดับ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงกลางน้ำ และเรื่อยลงไปถึงปลายน้ำ มีบริษัทหนึ่งที่มีกำไรโดดเด่นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ชนิดพลิกความคาดหมาย…เป็นการเทิร์นอะราวด์รวดเร็วไม่น่าเชื่อ

บริษัท สามชัย สตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ SAM ผู้ผลิตเหล็กปลายน้ำ  เป็นบริษัทดังกล่าว

หากดูจากงบการเงิน จะเห็นได้ว่า ไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะความสามารถทำกำไรไตรมาสแรกเกิดจากรายได้จากการขายที่โดดเด่น จากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้เพียงแค่ 530.89 ล้านบาท มาเป็น 992.06 ล้านบาท ทำให้สามารถมีกำไรขั้นต้นมากถึง 167.48 ล้านบาท จากเดิมที่กำไรเพียง 13.09 ล้านบาทเท่านั้น ก่อนที่จะมีกำไรสุทธิมากถึง 77.82 ล้านบาท จากที่เคยขาดทุนมากถึง 35.32 ล้านบาท

กำไรสุทธิในไตรมาสแรก ทำให้แม้ว่าสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทนี้จะยังคงฝืดเคืองอยู่บ้าง แต่สัดส่วน ดี/อี ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ถือว่า เป็นฝีมือที่กลุ่มผู้บริหารทำได้น่าชื่นชม

หากดูจากโครงสร้างการถือครองหุ้น และการบริหารจัดการ จะพบว่า SAM ตกอยู่ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จของคนในตระกูล ลีกาญจนากร โดยนอกจากเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดแล้ว ยังมีนาย พัชวัฏ คุณชยางกูร เป็นประธานกรรมการบริษัท นายธงชัย ลีกาญจนากร เป็นประธานกรรมการบริหาร และนายวรัญชัย ลีกาญจนากร เป็นกรรมการผู้จัดการ

กำไรไตรมาสแรกปีนี้ที่งดงาม เทียบกับตัวเลขขาดทุนของปี 2558 มากถึง 59.12 ล้านบาท คงจะไม่มีอะไรเคลือบแคลงน่าสงสัยจากบรรดาผู้ถือหุ้น…จนกระทั่งมีข่าวร้ายจากกรมศุลกากรเรื่องของการจับกุมได้ชนิด “คาหนังคาเขา” จากการ “เวียนเทียน” สินค้าเหล็กข้ามแดนไทย-สปป.ลาว เพื่อหลบเลี่ยงการเสียภาษี ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ

หลังจากหายตกตะลึงกับรายละเอียดของการจับกุมของกรมศุลกากร ผู้ถือหุ้นก็รู้ได้ทันทีว่า กำไรจากการดำเนินงานตามปกติของ SAM นั้น มาด้วยวิธีพิเศษจริงๆ…เป็นนวัตกรรมของการทำกำไรที่ดิบเถื่อนที่หากไม่ใช่คนที่ “คิดนอกกรอบ” แล้ว…ไม่มีทางทำได้

รายะเอียดของการจับกุมเริ่มต้นจาก ชาวบ้านแถวชายแดนไทยในบริเวณด่านศุลกากรมุกดาหาร ที่ติดกับ สปป.ลาว สงสัยว่า ทำไมมีรถบรรทุกขนาดใหญ่บรรทุกสินค้าเต็มอัตรา วิ่งวนไปมาทั้งเข้าและออกแดน วันหนึ่งๆ เป็นร้อยๆ เที่ยว วิ่งกันมานานหลายเดือน จนต้องสะกิด เจ้าหน้าที่ ศุลกากรให้กำกับดูแล

ข้อเท็จจริงที่ตรวจพบคือ ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนปีนี้เป็นต้นมา ถึงปัจจุบัน SAM ได้ส่งสินค้าออกไปยัง สปป.ลาว ทางด่านศุลกากรมุกดาหารโดยรถบรรทุกกึ่งพ่วงจำนวน 10 คัน และขอใช้สิทธิคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ โดยได้ผ่านพิธีการส่งออกเสร็จสิ้นแล้ว แต่ปรากฏว่าได้มีการนำสินค้ารายเดียวกัน กลับเข้ามาในประเทศโดยรถฯ ทั้ง 10 คันดังกล่าวในชื่อบริษัท เหล็กไทเกอร์ จำกัดรวมทั้งสิ้น 12 ใบขน จำนวนปริมาณ 114,017.00 ชิ้น น้ำหนัก 3,523,140.00 กิโลกรัม รวมมูลค่าสินค้าทั้งสิ้น 70,421,503.80 บาท

ในกรณีนี้  มีข้อเท็จจริงระบุชัดว่า SAM มิได้มีการผลิต ผสม หรือประกอบแต่อย่างใด แต่ได้ขอใช้สิทธิขอคืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ เต็มที่

หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) จึงจัดชุดติดตามรถฯ พบว่า รถฯ ทั้งหมดที่กลับเข้ามาในประเทศจากสปป.ลาว ได้ไปจอดพักสินค้าอยู่ที่โกดังบริษัท เหล็กฟ้าใส จำกัด อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยไม่มีการขนถ่ายหรือทำประการใดๆ กับสินค้าบนรถฯ

หลังจากนั้น รถบรรทุกทั้ง 10 คันทยอยออกจากโกดังใช้เส้นทางโคราช-ประทาย-ร้อยเอ็ด-ยโสธร-กลับสู่จังหวัดมุกดาหาร และไปจอดรอส่งออกบริเวณหน้าด่านศุลกากรมุกดาหาร จนกระทั่งวันที่ 23 พ.ค. 59 หน่วยปฏิบัติการพิเศษจึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจสอบเอกสารหลักฐานและจับกุมรถฯ ทั้ง 10 คัน โดยพบว่าสินค้าดังกล่าวได้ส่งออกในชื่อ SAM อีกรอบหนึ่ง ตามใบขนสินค้าขาออกขอใช้สิทธิ์คืนอากรตามมาตรา 19 ทวิ เลขที่ A023 15905 01569 และผ่านขั้นตอนการตรวจปล่อยจากเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรมุกดาหารเป็นที่เรียบร้อย

เจ้าหน้าที่ฯได้ขยายผลเข้าตรวจสอบบริษัท เหล็กฟ้าใส จำกัด และได้จับกุมรถบรรทุกกึ่งพ่วงซึ่งบรรทุกสินค้าประเภทท่อเหล็ก อีกจำนวน 5 คัน ซึ่งมีพฤติการณ์เดียวกันกับรถฯ 10 คันที่ได้จับกุมไปก่อนหน้านี้ รวมจับกุมรถบรรทุกกึ่งพ่วงบรรทุกสินค้าประเภทท่อเหล็กทั้งสิ้น 15 คัน รวมมูลค่าสินค้าตามใบขนสินค้าทั้งสิ้น 9,621,835.94 บาท

เจ้าหน้าที่จึงยึดรถบรรทุกกึ่งพ่วงทั้ง 15 คันและสินค้าของกลางทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับบริษัทผู้ส่งออกและนำตัวคนขับรถ ส่งให้ สภ.อ.เมืองมุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยประเมินว่า หากการฉ้อฉลของ SAM สำเร็จ จะก่อให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่าสูงถึง 49,588,707.48 บาท และรวมมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น 120,010,211.28 บาท

เมื่อวานนี้ ข่าวที่เกิดขึ้น มีปฏิกิริยาตอบรับเฉื่อยชาจากนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะราคาหุ้น SAM ที่ไม่ได้ถูกระงับการซื้อขาย ยังถูกแรงซื้อดันบวกขึ้นไปต่อตอนเปิดตลาดเช้าถึงระดับสูงสุด 1.42 บาท  ก่อนจะมีแรงขายทิ้งลงตลอดทั้งวัน จนติดลบ 0.06 บาท ตอนปิดตลาดที่ 1.29 บาท

พร้อมกันนั้น ผู้จัดการตลดาหลักทรัพย์ฯ ก็ยังมีหนังสือแจ้งให้ผู้บริหารของ SAM ทำการชี้แจง หลังจากที่ทำตัวเก็บเงียบ….โดยที่ตลาดฯก็ไม่ได้ทำการระงับการซื้อขาย..ไม่รู้เพราะถูกเหล็กของ SAM ทับเอาไว้หรืออย่างไร

ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมฯระบุว่า เรื่องหนีภาษีในยามที่ธุรกิจย่ำแย่เช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นวิชามารของบางบริษัทมายาวนาน …ทำไมจะไม่ทำล่ะ…เพราะการเสี่ยงภัยนี้ มีแต่ได้กับได้

เริ่มต้นตั้งแต่การนำเข้า ก็ช่วยให้ไม่ต้องเสียภาษี 5% และภาษีต่อต้านการทุ่มตลาด (AD) อีก 30-40% โดยอ้างว่า นำเข้าผลิตเพื่อส่งออก และยังหลบภาษี vat อีก 7% ด้วย

เมื่อทำการผลิตเสร็จแล้ว ก็ส่งออกไปต่างประเทศรอบๆ บ้าน โดยได้รับยกเว้นภาษีส่งออก แล้วเอาเหล็กไปไปพักชั่วคราวที่โกดังของบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน ในเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว เมียนมา  กัมพูชา หรือ มาเลเซีย 2–3 วัน จากนั้นก็เอาตั๋วใบใหม่นำเหล็กส่งกลับเข้ามา ไม่ต้องเสียภาษีท่อ

นี่เป็นแค่ “หนังตัวอย่าง”…ความจริงแล้ว ยังมีมากกว่านี้เช่น… ไปสั่งซื้อนำเข้าเหล็กจากอิหร่านบ้าง ตุรกีบ้างนับเป็นแสนตัน  แล้วทำเอกสารเปลี่ยนประเทศต้นทางเป็นอย่างอื่น

ผลลัพธ์คงไม่ต้องบอกว่า การทำผิดกฎหมายและทำลายธรรมาภิบาลย่อยยับอย่างนี้ ที่ SAM เกี่ยวโยงด้วย ทำให้เสียหายอะไรบ้าง…รู้แค่เพียงว่า ทำแล้วคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม …เพราะเรื่องค่าเปรียบเทียบปรับของ กรมศุลกากรนั้น มีโทษต่ำมาก เพราะลงโทษปรับได้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อครั้ง

ฉ้อโกงภาษีครั้งหนึ่ง กำไรหลายร้อยล้านบาท  ปีหนึ่งหลายพันล้าน …ใครไม่ทำก็โง่ และบ้า

จริงมั้ยครับ..เสี่ยๆ ทั้งหลาย

พูดมาถึงตรงนี้ ไม่รู้ว่าคนผู้รัก “บรรษัทภิบาล” ทั้งหลาย …..ตื่นกันรึยังฮ้าบบบบ….           

 

Back to top button