MC เติบโตมั่นคง

นับตั้งแต่ MC เข้าตลาดหลักทรัพย์มาในปี 2556 ก็มีอัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ย 16% ต่อปีได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นไปตามกลไกลของบริษัทที่ค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคง ตามผู้บริหารตั้งมาตรฐานเอาไว้...ค่อยๆ โต แต่ยั่งยืน


–คุณค่าบริษัท–

 

นับตั้งแต่ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เข้าตลาดหลักทรัพย์มาในปี 2556 ก็มีอัตราการเติบโตรายได้เฉลี่ย 16% ต่อปีได้อย่างสม่ำเสมอ เป็นไปตามกลไกลของบริษัทที่ค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคง  ตามผู้บริหารตั้งมาตรฐานเอาไว้…ค่อยๆ โต แต่ยั่งยืน

ส่วนการเติบโตในอนาคต MC ยังมีกลยุทธ์ที่ดีช่วยผลักดัน อย่าง 1) การเน้นการสร้าง SSSG โดยการใช้กลยุทธ์การตลาด ในการเพิ่มสินค้า รวมทั้งการขยายช่องทางจำหน่ายทั้งกลุ่มลูกค้า (กลุ่มลูกค้าจีน) และต่างประเทศผ่านการทำ Dealership program ซึ่งจะเริ่มที่เมียนมาร์ประเทศแรก รวมทั้งจะเพิ่มการขายในช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น

2) เพิ่มประสิทธิภาพและอัตรากำไร โดยการเพิ่มระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทานโดยมุ่งหวังที่จะลด สต๊อกลง (ปีนี้ตั้งเป้าลด 1 ล้านชิ้น โดย 6 เดือน ลดไปได้แล้ว 6 แสนชิ้น) และจะช่วยลดต้นทุนเพื่อรักษาระดับมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับสูง 3) จากปัจจุบัน MC มีการวางจำหน่ายใน CLMV และเป็นที่รู้จัก แต่บริษัทจะสร้างแบรนด์ให้รู้จักมากยิ่งขึ้นในตลาดเอเชีย และจะหาความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ และ 4) มุ่งเน้นในด้านบุคลากรและสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า

ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาส 3 ปี 59 MC น่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจากปัจจัยด้านฤดูกาล และจะกลับมาเติบโตในไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่ยอดขายเติบโตได้สูง ตาม 1) การเข้าสู่ช่วง high season 2) การเปิดตัวสินค้าและแบรนด์ใหม่ในไตรมาสเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าและเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่ขายจากปัจจุบันมีสัดส่วน 3:1 เป็นสัดส่วน 1:1 ในปีนี้

 3) จากการปรับการตลาดให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าจะช่วยดึงลูกค้าเข้าร้านและจะลดสินค้าคงคลังของบริษัทเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเติบโตในต่างประเทศหลังจากมีการจัดจำหน่ายไปยังเมียนมาร์ผ่านดีลเลอร์ซึ่งมีจุดขายกว่า 20 สาขา ยังเพิ่มในส่วนของลาว เวียดนาม ซึ่งอยู่ระหว่างหาพาร์ทเนอร์ช่วยกระจายสินค้า และจับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อจะช่วยเพิ่มยอดขายในอีกทางหนึ่ง

ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,013.32 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 919.97 ล้านบาท สำเหตุหลักมาจากกิจกรรมส่งเสริมการขายรายสัปดาห์ซึ่งเน้นที่ร้านค้าปลีกของตนเองและจากการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในปี ที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทฯ มียอดขายต่อร้านเดิมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 191.01 ล้านบาท หรือ 0.24 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 174.39 ล้านบาท หรือ 0.22 บาทต่อหุ้น

ส่วนผลการดำเนินงานงวดหกเดือน สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2559 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,163.12 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,830.30 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 393.35 ล้านบาท หรือ 0.49 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 369.52 ล้านบาท หรือ 0.46 บาทต่อหุ้น แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ยังคงประมาณการผลประกอบการเดิม พร้อมยังคงแนะนำ “ซื้อ”  ให้ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 16 บาท

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.น.ส.สุณี เสรีภาณุ 360,646,700 หุ้น 45.08%

2.MINDO ASIA INVESTMENT LIMITED 70,000,000 หุ้น 8.75%

3.RBC INVESTOR SERVICES TRUST 42,903,200 หุ้น 5.36%

4.STATE STREET BANK EUROPE LIMITED 26,441,200 หุ้น 3.31%

5.นางปรารถนา มงคลกุล 22,971,000 หุ้น 2.87%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาง ไขศรี เนื่องสิกขาเพียร ประธานกรรมการ

2.นาง ไขศรี เนื่องสิกขาเพียร ประธานกรรมการบริหาร

3.น.ส. สุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

4.น.ส. สุณี เสรีภาณุ กรรมการ

5.นาย วิรัช เสรีภาณุ กรรมการ

Back to top button