MC คาดยอดขาย Q1/60 ทำสถิติสูงสุดใหม่ รุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว-เครื่องหอม

MC รุกขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิว-เครื่องหอม หวังดันสัดส่วนยอดขายเป็น 5% ใน 5 ปี มองแนวโน้มยอดขาย Q1/60 ทำสถิติสูงสุดใหม่


นายบัณฑิต ประดิษฐ์สุขถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี บริษัท แม็ค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ประเภทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องหอมอื่นๆ หลังจากที่ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 59 ภายใต้บริษัทย่อยบริษัทใหม่ คือ บริษัท อโรมาธิค แอ็คทีฟ จำกัด ที่มี MC ถือหุ้น 55% ส่วนอีก 45% ถือหุ้นโดยนายวิริยะ พึ่งสุนทร ผู้คร่ำหวอดในวงการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวด้วยประสบการณ์กว่า 30 ปี

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากสินค้ากลุ่มนี้มีสัดส่วนยอดขาย 5% ของยอดขายรวมภายใน 5 ปี (ปี 60-64) โดยปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่จำหน่าย 2 ชนิด ได้แก่ เจลอาบน้ำ และโลชั่นทาผิว และในปีนี้คาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาจำหน่ายเพิ่มอีกหลายรายการ ได้แก่ แป้งฝุ่น สบู่ก้อนแบบพรีเมียม และน้ำหอม เป็นต้น

โดยบริษัทยังได้มีการพัฒนาโปรแกรมสำหรับตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ (Dealership program) ในกลุ่มประเทศเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม (CLMV) ให้แข็งแกร่งขึ้น  และมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ให้มีศักยภาพ มีความเข้าใจและสามารถตอบสนองการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจในแต่ละช่วงเวลาได้ อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาวอย่างยั่งยืน

ด้านนางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MC เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายในไตรมาส 1/60 คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากไตรมาส 4/59 ที่ทำยอดขายได้ 1.41 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1 ของทุกปีเป็นช่วงไฮซีซั่นต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของทุกปี ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการจัดแคมเปญซื้อ 2 แถม 1 เพื่อกระตุ้นยอดขาย และได้การตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งทำให้ยอดขายของบริษัทในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีการเติบโตขึ้น

นอกจากการออกแคมเปญนอกจากกระตุ้นยอดขายแล้ว ยังเป็นการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด ซึ่งบริษัทยอมรับว่าปัจจุบันการแข่งขันของคู่แข่งค่อนข้างรุนแรงมากขึ้น ผู้เล่นในตลาดทุกรายต่างต้องการเพิ่มยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งตลาด แม้ภาวะที่เศรษฐกิจยังชะลอตัว กำลังซื้อก็อาจจะชะลอตัวไปบ้าง แต่ทุกคนต่างต้องการผลักดันการเติบโตของตนเองให้มากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์ของบริษัทยังคงเน้นการเติบโตของยอดขายต่อร้านเดิม (SSSG) ราว 15% ซึ่งสินค้าหลักยังคงเป็นเครื่องแต่งกายยีนส์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำตลาดอันดับ 1 ในประเทศไทย ขณะเดียวกันบริษัทก็จะพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์กลุ่มใหม่เพิ่มเติม โดยเน้นการจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของตนเอง จำนวน 873 สาขา รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังตลาดภูมิภาคผ่านตัวแทนจำหน่าย และศึกษาตลาดใหม่เพิ่มเติม ตลอดจนพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางที่เพิ่มโอกาสในการขาย เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าตามการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้บริษัทได้วางงบลงทุนในปี 60 ไว้ที่ 70 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการขยายสาขาอีก 20-25 จุดขาย พัฒนาช่องทางออนไลน์ และระบบการให้บริการลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายและทำยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 12-15% จากปีก่อนที่บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 4.44 พันล้านบาท หรือแตะระดับ 5 พันล้านบาทในปี 60 และสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญอีกอย่าง คือ การบริหารต้นทุนการขายและการบริหารจัดการ รวมถึงต้นทุนอื่นๆอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 60 ใกล้เคียงกับปี 59 ที่ 54.71% 

ขณะที่ในปี 60 บริษัทจะเน้นการเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันในประเทศมากขึ้น เพราะบริษัทต้องการให้มีส่ดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อปรับความสมดุลให้สัดส่วนนักลงทุนที่ถือหุ้น MC อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันส่ดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่ถือหุ้น MC มีสัดส่วนสูงถึง 20% ทำให้ในปี 60 บริษัทชะลอการเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันต่างประเทศ และหันมาเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศมากขึ้น

Back to top button