PORT ขึ้นสังเวียนเทรดวันแรก ลุ้นราคาวิ่งทะลุ 7 บาท

PORT ไอพีโอน้องใหม่ เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรกลุ้นวิ่งทะลุ 7 บาท ชูพื้นฐานธุรกิจท่าเทียบเรือที่มีส่วนแบ่งอันดับ 1 ของท่าเรือเอกชน ด้วยบริการยกตู้รวมกว่า 4 แสนตู้/ปี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (23 พ.ย.60) บริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท หรือคิดเป็น 26.09% ของหุ้นที่จดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมด 460 ล้านหุ้น โดยมี บล.เมย์แบงค์ กิมเอ็ง ประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินระดมทุนที่ได้จำนวน 540 ล้านบาท ไปขยายธุรกิจประมาณ 46% ชำระคืนเงินกู้คืนหนี้ 29% และที่เหลืออีก 25% จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมั่นใจหลังระดมทุนดังกล่าวบริษัทจะมีศักยภาพทางธุรกิจและการเงินมากขึ้น

ด้าน นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PORT เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าหุ้น PORT ที่จะเข้าซื้อขายในตลาด mai ในวันนี้ (22 พ.ย.60) จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยบริษัทได้วางแผนขยายธุรกิจ, ลงทุนการจัดซื้อเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (บาร์จ) เพิ่มเติมจำนวน 2 ลำ เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งของลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งเรือบาร์จของบริษัทที่เติบโตขึ้น

อีกทั้งยังมีโครงการติดตั้งระบบ Mobile X-Ray ของกรมศุลกากรในบริเวณท่าเรือสหไทย ซึ่งใช้ในกระบวนการตรวจสอบสินค้าที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของกรมศุลกากร ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าทั้งผู้ส่งออกและผู้นำเข้า เนื่องจากสามารถทำการ X-ray ตู้สินค้าตามคำสั่งของกรมศุลกากรที่ท่าเรือสหไทยได้ทันที ซึ่งมีพิธีเปิดไปเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 60 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนลงทุนโครงการบริหารจัดการตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อทำธุรกิจบริหารจัดการ ซ่อมบำรุง และจัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (container Depot Service) โดยบริษัทมีความสามารถในการรองรับตู้คอนเทนเนอร์สูงสุดประมาณ 170,000 ทีอียูต่อปี และบริษัทได้ทำการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินบริเวณท่าเรือสหไทยออกไปเพิ่มเติมอีก 20 ปี

ส่วนนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PORT เปิดเผยว่า หุ้น PORT ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากมีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และอยู่ในธุรกิจโลจิสติกส์ที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมีคู่แข่งน้อยรายในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และเป็นธุรกิจที่ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ยาก เนื่องจากไม่มีที่ดินที่เหมาะสม

ทั้งนี้ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล เป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการแบบครบวงจร ได้แก่ 1.) ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร สำหรับเรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (Barge) รวมถึงให้บริการบรรจุสินค้าเข้าและถ่ายสินค้าออกจากตู้คอนเทนเนอร์ (CFS) และซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) 2.) ธุรกิจการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และบริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง

รวมถึง 3.) ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้า โดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้า ทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและปลอดภาษีอากร (Free Zone) ซึ่งในปัจจุบันบริษัทให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลก กลุ่มธุรกิจ e-commerce และอีกหลากหลายอุตสาหกรรม และ 4.) ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น การให้บริการ Freight Forwarding เป็นต้น

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า PORT ประกอบธุรกิจท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจร เพื่อให้บริการจัดการตู้สินค้าคอนเทนเนอร์แก่สายเดินเรือขนส่งสินค้าทั้งระหว่างประเทศและในประเทศ มีส่วนแบ่งอันดับ 1 ของท่าเรือเอกชน ด้วยบริการยกตู้รวมกว่า 4 แสนตู้/ปี

อีกทั้งยังมีความโดดเด่นในด้านทำเลที่ตั้งที่อยู่ริมสะพานภูมิพลเชื่อมต่อไปยังสนามบิน ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกได้ และมีสายเรือยักษ์ใหญ่ อย่าง Mitsui O.S.K. Lines (MOL) และMediterranean Shipping Company (MSC) เป็นผู้ร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2559

ดังนั้นภาพปี 61 จะเป็นปีของการเก็บเกี่ยวและเติบโตโดดเด่นเหนือกว่าท่าเรือใดๆ ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคาดกำไรสุทธิขยายตัว 27.70% CAGR (2559 – 2563) ซึ่งด้วยการอิง P/E 25.6x ตามค่าเฉลี่ยกลุ่ม

ทั้งนี้ ได้ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.00 บาท โดยมองว่าปี 61 จะมีการขับเคลื่อนของทุกหน่วยธุรกิจอย่างเต็มที่ ทั้งท่าเรือ 2 แห่ง และธุรกิจสนันสนุนรอบด้านที่ขยายตัวในทุกทิศทาง (ขนส่งตู้ทางบก-ซ่อมบำรุงตู้-บรรจุ/แกะสินค้าลงตู้-คลังสินค้า-Freight Forwarder)

ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) จะเริ่มขยายมากขึ้นจาก 3.6% ไปสู่ 8.9% ในปี 63 จากปริมาณของตู้คอนเทนเนอร์ที่จะเดินหน้าทำ Record High ต่อเนื่อง 17.3% CAGR และการได้ Economics of Scales และภาระดอกเบี้ยที่ทยอยลดลง โดยคาดกำไรสุทธิปีหน้าที่ 108 ล้านบาท ขยายตัว 130.1 %YoY

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น PORTเข้าซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก (22 พ.ย.60) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นทะลุ 7 บาท จากราคา IPO ที่ 4.50 บาท มีอัพไซต์อยู่ที่ 70% ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาราคาหุ้นของหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อขายในตลาด mai เป็นวันแรก ส่วนใหญ่สามารถปรับตัวขึ้นเหนือราคา IPO ได้เกิน 50% จึงคาดว่า PORT น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้สูงเช่นเดียวกัน

Back to top button