BKD เลี้ยวโค้ง 90 องศา

เจ๊ฉลาม หรือ นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ซีอีโอใหญ่ระดับ "สตรีเหล็


แฉทุกวันทันเกมหุ้น

เจ๊ฉลาม หรือ นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ซีอีโอใหญ่ระดับ “สตรีเหล็ก” ของบริษัท

บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD ซึ่งประกาศว่าธุรกิจหลักคือรับออกแบบตกแต่งภายใน มักจะมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ได้เสมอๆ …ตามประสาสาวพันปี ไม่มีหยุด (สวย)

ล่าสุด ประกาศรุกทำธุรกิจสาธารณูปโภค เข้าร่วมทุนในธุรกิจผลิตน้ำประปาที่ภูเก็ต

เรียกว่าแตกไลน์กันสุดลิ่มทิ่มประตู….ที่เป็นมากกว่า แตกลายงา…(ฮา)

รายละเอียดของการลงทุนใหม่นี้ ระบุว่า ที่ประชุมคณะบอร์ดของ BKD ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มีมติให้บริษัทเข้าถือหุ้นใน บริษัท โกลด์ชอร์ส จำกัด (GS) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่บางส่วนใน จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ทั้งทางตรงและทางอ้อม สัดส่วน 46% ใช้เงินลงทุนรวม 760 ล้านบาท โดยแหล่งที่มาของเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

GS เป็นผู้ดำเนินโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาส่งให้พื้นที่บางส่วนใน จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ตามสัญญาในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กับบริษัท ไฮโดรเอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด (HYDRO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GS โดย GS เข้าถือหุ้นใน HYDRO ในสัดส่วน 99.99% มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่า เนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา

ปัจจุบัน GS และ HYDRO ได้ดำเนินการขอใบอนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวกับการ “ไล่ล่าหาน้ำสะอาด” เพื่อประกอบกิจการประปาในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา รวมถึงการกำหนดงบประมาณลงทุน และจัดหาผู้รับเหมาต่างๆ เพื่อดำเนินการขุดบ่อกักเก็บน้ำดิบ รวมถึงเตรียมความพร้อมในพื้นที่โครงการ และวางท่อประปาตามแนวถนน เพื่อรองรับการเปิดจำหน่ายน้ำประปาในอนาคต …แต่เงินขาดมือ เพราะต้องการเงินลงทุนมากถึง 993 ล้านบาท แต่ยังขาดที่ต้องชำระเพิ่มเท่ากับ 648.44 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มี อาจจะทำให้….โครงการที่คาดว่าจะแล้วเสร็จจนสามารถผลิตและจำหน่ายน้ำประปาได้ ปลายไตรมาส 2/2561

วิธีการเข้าซื้อกิจการเพื่อร่วมทุนในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ มีขั้นตอนดังนี้

– BKD ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท High East Capital Holdings Limited (HECH) จากนางสาวกานติมา รอดศัตรู ในสัดส่วน 100% รวมมูลค่า 450 ล้านบาท (HECH เป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งในฮ่องกง ซึ่งถือหุ้น GS เท่ากับ 34.62%)

– จากนั้น BKD จะเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนใน GS สัดส่วน 10% เป็นจำนวน 230,813 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 649.88 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 150 ล้านบาท-หลังเพิ่มทุนดังกล่าว HECH จะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน GS เหลือ 30% และในระยะสั้น BKD จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นทันที 600 ล้านบาท รวมถือหุ้นทันทีในสัดส่วน 40.0%

– ในอนาคต หาก GS สามารถดำเนินการและมีกำไรต่อหุ้นตามกำหนดในอนาคต (ไม่ได้ระบุเอาไว้ในการชี้แจงต่อสาธารณะ) ภายในระยะเวลาที่ตกลง ในเฟสที่ 2-4 หลังเริ่มจ่ายน้ำได้ครั้งแรก บริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นของ GS ในอนาคตเพิ่ม 6% จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมของ GS จำนวน 138,288 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคา 1,157.01 บาทต่อหุ้น  คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท รวมมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้นไม่เกิน 760 ล้านบาท

– ภายหลังการดำเนินการแล้วเสร็จ มีผลทำให้บริษัทเข้าถือหุ้น GS ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกัน คิดเป็น 46% ทั้งนี้ การเข้าลงทุนดังกล่าวมีเงื่อนไขบังคับก่อนให้ GS ต้องดำเนินการให้สามารถเริ่มจ่ายน้ำให้กับลูกค้าได้ก่อน บริษัทจึงจะเข้าลงทุน

การแตกไลน์นี้จะทำให้ทิศทางในอนาคตของ BKD เปลี่ยนไปจากบริษัทที่มีรายได้ “เป็นจ๊อบๆ” (job-based income) ….มาเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอจากงานสาธารณูปโภคที่ลดความผันผวนลงไปจากเดิมหลายเท่า 

ที่ผ่านมา BKD มีรายได้ที่ต่อเนื่องจากธุรกิจรับตกแต่งภายใน แต่รายได้ดังกล่าวมีกำไรต่ำมาก บางครั้งทำให้ขาดทุน ต้องอาศัยรายได้พิเศษมาดึงกำไรให้ดูดีขึ้น…การพึ่งพารายได้พิเศษไปเรื่อยๆ จึงไม่ใช่เส้นทางที่พึงปรารถนามากนัก

ตัวอย่างล่าสุด งบการเงินแสดงผลการดำเนินงานปี 2560 พบว่า BKD มีกำไรสุทธิ 332.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 253.44 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 321% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 78.93 ล้านบาท แต่….มาจากกำไรจากการขายที่ดินจำนวน 367.24 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปกติจากการดำเนินงานมีแค่ 46.82 ล้านบาท ลดลง 32.11 ล้านบาท หรือลดลง 41%

ยิ่งหากมองย้อนหลังกลับไป กำไรปกติแต่ละปีของ BKD ไม่เคยเกินกว่า 200 ล้านบาทเลย แม้กระทั่งปีที่ดีที่สุด…มองจากมุมไหนก็ไม่สวย….โดยเฉพาะผู้ถือหุ้น BKD คงไม่มีใครที่อยากตกอยู่ในสภาพ… “สุนัขนอนเฝ้าปลากระป๋อง….” แบบที่ผ่านๆ มา

การเลี้ยวโค้งชนิดหักมุม 90 องศาของ BKD จึงเป็นการดิ้นรนที่….เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นการเลี้ยวแบบ “แหกโค้ง”

อิ อิ อิ

 

Back to top button