SKE สยายปีกสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ปักธงขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานครบวงจร

SKE สยายปีกสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ปักธงขึ้นแท่นผู้ผลิตพลังงานครบวงจร พร้อมแย้ม Q2/61 กำไรฟื้นตัว


นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี (จำกัด) มหาชน หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังขยายธุรกิจด้านพลังงานอย่างครบวงจร ซึ่งธุรกิจหลัก คือ ประกอบธุรกิจบริการอัดก๊าซ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท. จำกัด หรือ PTT ซึ่งปัจจุบันมีสถานีก๊าซธรรมชาติของบริษัท 2 สถานี คือ 1) สถานีก๊าซธรรมชาติหลักปทุมธานี  2) สถานีก๊าซธรรมชาติหลักสระบุรี ซึ่งมีกำลังการอัดก๊าซสูงถึง 750 ตัน/วัน

ทั้งนี้บริษัทฯมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าบริษัทฯมีกำไรสุทธิลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงมีรายได้สม่ำเสมอและรักษาปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติมากกว่า ปริมาณขั้นต่ำตามสัญญาธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนที่ทำ กับ กลุ่มปตท.ซึงมีระยะเวลาสัญญานานถึง 20 ปี จะทำให้บริษัทฯมีผลประกอบการที่ขยายตัวอย่างมีนัยยะและบริษัทฯมีพื้นฐานดีและการบริหารต้นทุนที่ดี เชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปจะมีรายได้กำไรที่ดีขึ้น และผลตอบแทน แก่ผู้ถือหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคง

นอกจากนี้ บริษัทฯได้ลงทุนธุรกิจพลังงานใหม่ 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) มีขนาดกำลังการผลิตกว่า 3,000,000 กิโลกรัม/ปี โดยจะใช้ก๊าซชีวภาพจากน้ำเสียของโรงงานแป้ง มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบในการผลิตก๊าซ CBG คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/61 และสามารถรับรู้รายได้ทันที

สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ยังได้รับการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการผลิตไบโอมีเทนอัด (CBG) ในสถานประกอบการที่มีระบบก๊าซชีวภาพจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทอีกด้วย

รวมทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร โดยบริษัทจะจำหน่ายก๊าซ CBG ให้กับรถขนส่งที่ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งบริษัทฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ขายก๊าซฯ ให้กับบริษัท ฟ้าสางวู๊ดชิพ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในบริเวณพื้นที่ตั้งของโครงการ 7,000 กิโลกรัม ต่อ วัน หรือ คิดเป็นจำนวนกว่า 2,310,000 กิโลกรัม ต่อ ปี คาดว่าระยะเวลาในการคืนทุนประมาณ 5 ปี

นอกจากนี้บริษัทฯกำลังดำเนินการก่อสร้าง ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่กระทิง ที่จังหวัดแพร่ ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 9.9 เมกะวัตต์ และมีสัญญาขายไฟ 8 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในอัตราเฉลี่ยที่ 4.62 บาทต่อหน่วยตลอดอายุสัญญา 20 ปี ซึ่งนับเป็นอัตราการขายไฟสำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวลที่สูงที่สุดในปัจจุบัน (สูงกว่าอัตราการขายไฟฟ้าในโครงการ SPP Hybrid ซึ่งคาดว่าประมาณ 1.80 บาท ต่อหน่วย) คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 3/62

ทั้งนี้บริษัทฯมั่นใจว่าทั้ง 2 โครงการใหม่นี้ จะสร้างกระแสรายได้ที่ต่อเนื่องและมั่นคง ช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทฯเติบโตอย่างมั่นคงตามกลยุทธ์หลักของ SKE

 

Back to top button