ตระกูล”ธนากิจอำนวย”ทุ่ม 2.75 พันลบ. รวบหุ้น NOBLE กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ จ่อเทนเดอร์ฯ 12.25 บ.

สืบเนื่องจากกรณีมีการรายงานข่าวพบการซื้อขายรายใหญ่ (Trade report-Big lot) ของหลักทรัพย์ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE และบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE-F รวมจำนวน 190,402,750 ล้านหุ้น หรือ 41.71% ในราคาหุ้นละ 12.25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่ากระดานซื้อขาย 8% เทียบกับราคาเปิดตลาดที่ระดับ 11.30 บาท

ล่าสุด ณ เวลา 12.35 น. NOBLE เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ว่า บริษัทได้รับแจ้งว่าในช่วงเช้าวันนี้ (12 มิ.ย.61) นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการกรรมการผู้จัดการของบริษัท ได้เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 120,088,798 หุ้น คิดเป็น 26.31% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทโดยเป็นการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น

ขณะที่ nCrowne Ple.Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นโดยกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ได้ซื้อหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 104,200,200 หุ้น คิดเป็น 22.83% จาก Mr.Stephane Michale Rosales Sedano

ทั้งนี้ พบว่าการเข้าซื้อหุ้น NOBLE ในครั้งนี้ของ นายกิตติ ธนากิจอำนวย รวมกับการเข้าทำรายการของ nCrowne Ple.Ltd. เท่ากับว่า ตระกูลธนากิจอำนวย เข้าซื้อหุ้นจำนวน 224,288,798 หุ้น มูลค่าในการทำรายการจำนวน 2,747,537,775 บาท

ทั้งนี้ ภายหลังการทำรายการทำให้โครงการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปดังนี้ นายกิตติ จะเข้าถือหุ้นเพิ่มเป็น 34.27% จากเดิม 7.96% และ nCrowne จะเข้าถือหุ้น 22.83% ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ จะลดสัดส่วนหุ้นเหลือ 42.91% จากเดิม 69.21% ขณะที่ Mr.Stephane Michale Rosales Sedano ขาดจากการเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท

สำหรับซื้อขายหุ้นดังกล่าว นายกิตติ และ nCrowne จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ ซึ่งรวมถึงหุ้นและหลักทรัพย์แปลงสภาพ (ถ้ามี) อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงานและโครงสร้างการจัดการของบริษัทแต่อย่างใด

พร้อมกันนั้น นายกิตติ และ nCrowne ได้แจ้งประกาศเจตนาในการเข้าซื้อหุ้นเพื่อครอบงำกิจการ NOBLE ราคาที่คาดว่าจะเสนอซื้อ 12.25 บาท/หุ้น ซึ่งจะสามารถยื่นคำเสนอซื้ออย่างเป็นทางการภายใน 21 มิ.ย.นี้ โดยจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอซื้อ 195,851,458 หุ้น คิดเป็น 42.91% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ประมาณการมูลค่าราว 2.4 พันล้านบาท

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลังเข้าทำการซื้อขาย

(คลิกเพื่อขยาย)