ไอพีโอน้องใหม่ MVP มั่นใจผลงานปีนี้โตต่อ หลังโชว์กำไรนิวไฮ 3 ปีซ้อน

ไอพีโอน้องใหม่ MVP มั่นใจผลงานปีนี้โตต่อ หลังโชว์กำไรนิวไฮ 3 ปีซ้อน พร้อมลงสนามเทรด mai วันที่ 7 ส.ค.นี้ โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 70 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายที่หุ้นละ 1.90 บาท และเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ในวันที่ 7 ส.ค.61 ในหมวดอุตสาหกรรมบริการ โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการซื้ออุปกรณ์สำหรับขยายธุรกิจการจัดงาน การพัฒนาระบบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

ด้าน นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MVP เปิดเผยว่า บริษัทวางกลยุทธ์เติบโตตาม Megatrend ของโลกทั้งในกลุ่ม Mobile, Sport และ Tourism เป็นเป้าหมายหลักในการเดินหน้าจัดอีเว้นท์หลากหลาย บริการสื่อโฆษณา และการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ พร้อมเพิ่มโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพความแข็งแกร่งในการยกระดับองค์กรให้มีความเป็นสากลภายใต้จุดแข็งในความเชื่อมั่นของคู่ค้า-ลูกค้าที่มีมาอย่างต่อเนื่อง

โดยเริ่มจาก Mobile ซึ่งมองว่าในอนาคตทุกๆ อย่างจะถูกรวมเข้ามาอยู่ในกลุ่มของโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ และส่วนอื่นๆ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากงาน Mobile Expo มาเป็น Mobile Related Expo ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น ประเทศไทยไม่สามารถจะขาดการท่องเที่ยวได้ และยังมีทิศทางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่กีฬาถือเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่เติบโต

ขณะเดียวกันบริษัทวางนโยบายรองรับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่เปลี่ยนแปลงไป โดยวางตัวเองเป็นศูนย์กลางของวงการโทรศัพท์มือถือ หรือ Mobile Related โดยรวมทุกอย่างที่เป็นการสื่อสารไร้สาย Internet of Things (IoT) หรืออุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถไส่ซิมการ์ดลงไปได้ อาทิ ทีวี ไมโครเวฟ รถจักยานยนต์ไฟฟ้า และทุกอย่างที่มีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านบริษัทได้จัดงาน Thailand Mobile Expo และภายในงานยังได้มีการสอดแทรกงาน EV EXPO เข้าไป เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าต้องไส่ซิมการ์ดเพื่อเชื่อต่อโทรศัพท์มือถือ และอนาคตยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากที่ต้องใช้ซิมการ์ดและเชื่อมต่อในระบบไร้สายมากขึ้น บริษัทจึงมีแนวคิดรวมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นนี้เป็นกลุ่ม Mobile Relate โดยในช่วงปลายปีงาน Thailand Mobile Expo จะมีโซนใหม่เกิดขึ้น คือ Consumer Electric หรือโซนเครื่องใช้ไฟฟ้า

โดยงาน Mobile Expo ครั้งใหม่จะย้ายพื้นที่จัดงานไปยัง Bitec Bangna ซึ่งเป็นพื้นที่ Prime Area ทั้งหมด ต่างจากศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เดิมที่มี Prime Area แค่บางส่วน ดังนั้น จะทำให้ภาพงานใหญ่ขึ้น และส่วนการแสดงสินค้าที่เคยถูกจำกัดพื้นที่ อย่าง EV EXPO, Consumer Electric และ Internet of Things ก็สามารถขยายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น

ด้านนายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีแผนขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดงานกีฬาและงานท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลุ่ม Megatrend ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทมีการจัดการแข่งขันการวิ่งและกีฬามาแล้วกว่า 3 ปี และได้รับการตอบรับที่ดีมาตลอดตามกระแสรักสุขภาพที่ทำให้เกิดความนิยม

ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว บริษัทมองเห็นพื้นที่ UNSEEN หลายแห่งในประเทศไทย ที่มีความสวยงาม แต่ยังไม่มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกมากพอ จึงได้มีการนำรถบ้านเคลื่อนที่ (mobile car) มาเป็นรถคาราวานสำหรับรองรับการท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงกีฬา รวมถึงการจัดอีเว้นท์ต่างๆ ทั่วประเทศทั้งในพื้นที่ของภาครัฐและเอกชน โดยเบื้องต้นมีแผนเพิ่มรถบ้านเพื่อรองรับผู้เข้าพักเป็น 70 คัน จากปัจจุบันมีรถบ้านเคลื่อนที่ทั้งหมดราว 40 คัน

“ประเทศไทยนี่คือสวรรค์ แต่ปรากฏว่ามาถึงก็ซ้ำที่เดิม เราจะมาทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่างเช่นจังหวัดตากที่มีพื้นที่ 80% คือ อุทยาน ซึ่งแต่ละอุทยานมีพื้นที่กว่า 1.6 แสนไร่ ไม่เคยมีใครไปใช้เลย เราจึงจะมาใช้เรื่องนี้ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด ส่วนนี้เป็นเพียงการเริ่มต้น การแข่งขัน (ทางธุรกิจ) ก็น้อยเพราะส่วนใหญ่จะเข้ามาช่วยกันมากกว่า โดยสิ่งที่เราพูดมานี้ยังเป็นงานเอกชน ยังไม่ได้รวมกับงบสนับสนุนจากภาครัฐ 80,000 ล้านบาท ที่เราสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้อีกด้วย” นายโอภาส กล่าว

อนึ่ง MVP ประกอบธุรกิจหลัก 3 ประเภท ประกอบด้วย 1.กลุ่มธุรกิจการจัดงาน (Event Organizer) 2.กลุ่มธุรกิจงานโฆษณาและเอเจนซี่ (Media&Agency) และ 3.กลุ่มธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce)

ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี บริษัทรายได้รวมของบริษัทในช่วงปี 2558 อยู่ที่ระดับ 130.33 ล้านบาท ปี 2559 อยู่ที่ระดับ 191.34 ล้านบาท ปี 2560 อยู่ที่ระดับ 284.75 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 2558 อยู่ที่ระดับ 3.65 ล้านบาท ปี 2559 อยู่ที่ระดับ 1.80 ล้านบาท ปี2560 อยู่ที่ระดับ 29.05 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาสแรก ปี 2561 บริษัทมีรายได้ 65.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3.02 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่ารายได้รวมปี 2561 มีโอกาสเติบโตในระดับเดียวกันกับช่วง 3 ปีย้อนหลัง ที่มีการเติบโตเฉลี่ย 40-50% โดยช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งเตรียมจัดงาน Thailand Mobile Expo 2018 Showcase ในเดือน ก.ย. 2561 รวมถึงงานอีเวนต์อื่นๆ เช่น จัดงานวิ่ง และงานคอนเสิร์ต อีกทั้งมีแผนขยายการจัดงาน Thailand Mobile Expo ไปตามหัวเมืองใหญ่ของประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของบริษัท

Back to top button