THMUIพุ่งแรงกว่า11% นิวไฮรอบ6เดือน โบรกฯเชียร์”ซื้อ” เป้า3.10บ. คาดครึ่งปีหลังกำไรโตแกร่ง

THMUIพุ่งแรงกว่า11% นิวไฮรอบ6เดือน โบรกฯเชียร์"ซื้อ" เป้า3.10บ. คาดครึ่งปีหลังกำไรโตแกร่ง โดย ณ เวลา 16.15 น. อยู่ที่ 1.94 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 11.49% สูงสุดที่ 1.96 บาท ต่ำสุดที่ 1.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 99.74 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI ล่าสุด ณ เวลา 16.15 น. อยู่ที่ 1.94 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 11.49% สูงสุดที่ 1.96 บาท ต่ำสุดที่ 1.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 99.74 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 6 เดือน นับตคั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.96 บาท เมื่อวันที่ 28 มี.ค.61

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ก.ย.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท/หุ้น โดยมีมุมมองเชิงบวกใน 3 ประเด็นคือ กำไรสุทธิครึ่งปีหลัง 2561 มีแนวโน้มเติบโตสูงทั้งจากครึ่งปีก่อน และจากปีก่อน จากยอดขายลวดสลิงที่จะเร่งตัวขึ้นตามการขยายท่าเรือ และรับรู้งานวางท่อปะปาส่วนที่เหลือ รวมถึงการได้งานวางระบบบำบัดน้ำเสียเพิ่ม

พร้อมด้วยอัตรากำไรขั้นต้นจะเริ่มขยับขึ้น จากการให้บริการทดสอบลวดสลิงที่เป็นธุรกิจ High Margin อีกทั้ง ราคาหุ้นปัจจุบันยังถูกมาก โดยคิดเป็น PE2561-62 เพียง 9-11 เท่า และ PBV 1.3-1.4 เท่า ขณะที่ ROE สามารถสร้างได้ในระดับที่ดีราว 13-15% และให้ปันผลสูง 5% ต่อปี

โดย เดิมทีธุรกิจหลักของ THMUI คือ Trading ลวดสลิง ซึ่งถือเป็นรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศ มีลูกค้ากระจายในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (SEAFCO, PYLON) กลุ่มท่าเรือ (การท่าเรือฯ, PORT) กลุ่มพลังงาน (เชฟรอน) กลุ่มโรงงาน (ลูกค้าอยู่ในนิคมต่างๆ เช่น AMATA, WHA), กลุ่มโลจิสติกส์ และกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยอดขายชะลอตัวเพราะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งของรัฐบาลและเอกชนหยุดชะงัก

อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีหลัง 2561 มีแนวโน้มจะกลับมาเร่งตัวขึ้น แม้ว่าจะเป็นผลจากฤดูกาลที่เป็น High Season อยู่แล้ว แต่เราคาดว่าจะได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากคำสั่งซื้อที่อั้นมาตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ การเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ EEC และ SEC ในอนาคต จะยิ่งเป็นบวกกับ THMUI เนื่องจากโครงการหลักคือการขยายท่าเรือ ซึ่งจะหนุนการใช้ลวดสลิงตามมา ทั้งในส่วนของท่าเรือและกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โดยรายได้จาก 2 กลุ่มนี้คิดเป็น 7% และ 25% ของรายได้รวมตามลำดับ

ทั้งนี้ หลังจาก THMUI เริ่มรับรู้งานวางท่อน้ำปะปาที่ภูเก็ต จนทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 2/61 โตโดดเด่นถึง 306% จากไตรมาสก่อน และ 656% จากปีก่อน อยู่ที่ 16 ล้านบาท ต่อจากนี้ คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจน้ำเข้ามาต่อเนื่องและมีความแน่นอนมากขึ้น โดยในไตรมาส 3/61 คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จากงานเดิมที่เหลืออยู่อีกราว 20-30 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากงานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการงานวางระบบน้ำอีกราว 100 ล้านบาท แต่ต่อให้ไม่ได้งานต่อเนื่องของธุรกิจน้ำ ก็คาดว่าธุรกิจหลักจะทำกำไรได้ดีขึ้น จากงานบริการทดสอบลวดสลิงที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง 2561 นี้

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากกลุ่มลูกค้าลวดสลิงของ THMUI ที่เริ่มกลับมาลงทุนอีกครั้ง ทำให้เรายังมั่นใจว่ากำไรสุทธิทั้งปีนี้จะทำได้ 53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% จากปีก่อน แม้ว่ากำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2561 จะคิดเป็นเพียง 39% ของคาดการณ์ดังกล่าว แต่นอกจากรายได้จะเร่งตัวขึ้นแล้ว สต็อกลวดสลิงยังเป็นต้นทุนเดิมที่ซื้อไว้ตอนเงินบาทแข็ง

อีกทั้ง คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลง เพราะไม่มีการกลับรายการยอดรีเบทงานขายลวดสลิงให้ลูกค้าบางรายเหมือนที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/60 ถึงไตรมาส 1/61 จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิมีโอกาสกลับไปยืนเหนือระดับ 10% ได้อีกครั้ง โดยมี Upside เพิ่มเติมจากงานวางระบบน้ำ ที่ถ้าหากได้เพิ่มอีกราว 100 ล้านบาท จะหนุนกำไรสุทธิ 8-10 ล้านบาท เมื่อผนวกกับ ราคาหุ้นที่ยังไม่แพง

โดยคิดเป็น PE2561-62 ที่ 9-11 เท่า หรือต่อให้กำไรครึ่งปีหลัง 2561 ไม่โตจากครึ่งปีแรก 2561 (กำไรทั้งปีจะจบที่ 41 ล้านบาท) PE2561 ยังต่ำแค่ 15 เท่า จึงยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2561 เท่ากับ 3.10 บาท อิง PE Multiplier 20 เท่า

 

Back to top button