TTCL บวก 3% สวนโบรกฯแนะ”ขาย”หลังราคาเกินพื้นฐาน-ธุรกิจปีนี้เสี่ยงขาดทุน

TTCL บวก 3% สวนโบรกฯแนะ”ขาย”หลังราคาเกินพื้นฐาน-ธุรกิจปีนี้เสี่ยงขาดทุน โดยราคาปิดตลาดเช้านี้ อยู่ที่ 10.80 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.86% สูงสุดที่ 11.10 บาท ต่ำสุดที่ 10.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 107.05 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL ราคาปิดตลาดเช้านี้ อยู่ที่ 10.80 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.86% สูงสุดที่ 11.10 บาท ต่ำสุดที่ 10.50 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 107.05 ล้านบาท

ด้าน บล. เอเชียเวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ (5 กันยายน 61) แนะนำ”ขาย”กำหนดราคาเป้าหมายเท่ากับ 10.00 บาทต่อหุ้น ลดลงจากเดิม 12.60 บาท เนื่องจากระยะสั้นผลประกอบการยังขาดทุน แต่มีโครงการในมือที่น่าสนใจในระยะยาวแต่ต้องรอความชัดเจนก่อน ส่วนระยะยาวการได้พันธมิตรใหม่ คือ Sojitz Corporation จากญี่ปุ่นคาดว่าจะช่วยให้การดำเนินงานโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศเมียนมาร์ น่าจะช่วยให้ได้งานใหม่และเพิ่ม Backlog ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่า TTCL ยังขาดทุนจากการดำเนินงานในปีนี้

ขณะที่งวด 1H61 มีขาดทุนสุทธิอยู่แล้ว 91 ล้านบาท ในขณะที่ขาดทุนจากการดำเนินงานของงวดครึ่งปีแรกปี61 อยู่ที่ 59 ล้านบาท แนะนำขายให้ราคาเป้าหมายใหม่ ตามวิธี Sum-of-the-part ที่ 10.00 บาท จากเดิม 12.60 บาท โดยแยกเป็นมูลค่าของธุรกิจไฟฟ้า Alone 1 ขนาด 120 MW เท่ากับ 5 บาทต่อหุ้น Alone 2 ขนาด 356 MW เท่ากับ 5 บาทต่อหุ้น ในขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ติดลบ 4 บาทต่อหุ้น มากกว่าเดิมที่คาดติดลบ 1.40 บาทต่อหุ้น ซึ่งหักล้างไปกับมูลค่าของโครงการ Solar Farm/Solar Roof Top ในไทยและญี่ปุ่น รวม 40-45 MW คิดเป็นมูลค่า 4 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ TTCL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ขาดทุน 31 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/61 ที่ขาดทุนที่ 61 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกปี61 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้การก่อสร้างที่ลดลงถึง 57.5%YoY จากการเกิดความล่าช้าของโครงการ แม้ว่ารายได้จากการบริหารโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 39%YoY นอกจากนี้บริษัทยังเผชิญกับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งในไตรมาส 1/61 และไตรมาส 2/61 รวม 32 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรสุทธิครึ่งปีหลังยังซบเซา และทั้งปียังขาดทุนอยู่ แม้ในช่วงตั้งแต่ครึ่งปีแรกปี61 บริษัทได้งานใหม่เพิ่มอีกรวม 15,000 ล้านบาท ช่วยหนุน Backlog อยู่ราว 21,500 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ได้ราว 30% ในช่วงครึ่งปีหลังปี61

อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการใหม่ ๆ ที่ได้รับมาในช่วงครึ่งปีแรกปี61 นั้น คาดว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างและเริ่มรับรู้รายได้ได้อย่างเร็วสุดคือ ช่วงไตรมาส 4/61 เป็นต้นไป ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปี 2561 นี้จะยังประสบผลขาดทุนอยู่ เนื่องจากงานก่อสร้างที่สามารถรับรู้รายได้ได้ยังมีปริมาณน้อย โดยโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการ Rock Salt ยังไม่ได้ข้อสรุปในการดำเนินการก่อสร้างต่อ อีกทั้งยังมีภาระผูกพันเป็นหนี้ที่ยังเรียกเก็บไม่ได้รวม 2.5 พันล้านบาท

ขณะเดียวกัน โครงการโรงไฟฟ้า Alone 2 มูลค่า 12,000 ล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการรออนุมัติ PPA จากทางการพม่า คาดว่าจะได้ PPA ประมาณไตรมาส 4/61 และคาดว่าทำ Financial Close เสร็จประมาณไตรมาส 2/62 ซึ่งการมี Sojitz เป็นผู้ร่วมทุนคาดว่าทำให้ทำ Financial Close ได้สะดวกขึ้น ส่วนโครงการก่อสร้างปิโตรคอมเพล็กซ์ที่เวียดนาม ซึ่งเป็นโครงการของ SCC คาดว่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ประมาณต้นปี 2562 มูลค่างานก่อสร้างในส่วนของ TTCL เท่ากับ 15,000 ล้านบาท ปัจจัยบวกยังรออยู่ แต่ระยะสั้นคาดว่ายังมีผลการดำเนินงานไม่สดใสในช่วง 2H61 ทำให้ทั้งปีคาดว่ามีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ส่วนระยะยาวเห็นว่าควรรอความชัดเจนในโครงการโรงไฟฟ้า Alone 2 ที่เป็นโครงการใหญ่ลำดับถัดไปที่จะได้เริ่มดำเนินการช่วงปีหน้า

ทั้งนี้ TTCL ราคาปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 10.80 บาท ซึ่งเกินเป้าหมายที่ บล. เอเชียเวลท์ ให้ไว้ที่ 10.00 บาทต่อหุ้น

Back to top button